กองบริหารงานกลาง สำนักงานอธิการบดี มหาวิทยาลัยขอนแก่น ได้ดำเนินโครงการแปลงผักปลอดภัยมหาวิทยาลัยมีสุข ประจำปี 2563 เป็นโครงการที่สอดคล้องกับนโยบายเสาหลักด้าน People หรือ ประชาคมของมหาวิทยาลัยขอนแก่น ในประเด็นการสร้างมหาวิทยาลัยขอนแก่นให้เป็นที่น่าทำงาน Best Place to Work ส่งเสริมการสร้างความรักความผูกพันระหว่างบุคลากร และบุคลากรต่อองค์กรอย่างเป็นระบบ โดยมีบุคลากรสำนักงานอธิการบดี มหาวิทยาลัยขอนแก่นเป็นสมาชิกในโครงการ และร่วมมือร่วมใจปลูกผักตามฤดูกาลปลอดสารพิษในแปลงผักข้างอาคารสิริคุณากร มีผลิตผลแบ่งปันกันมาเป็นปีที่ 10 เป็นอีกหนึ่งแรงผลักดันทำให้บุคลากรได้พัฒนาตนเองร่วมกัน สามารถทำงานได้อย่างมีความสุข นำไปสู่การทำงานขับเคลื่อนองค์กรให้ก้าวหน้าต่อไปในอนาคต
ในปี 2563 ซึ่งเป็นปีที่ 10 ของการดำเนินโครงการแปลงผักปลอดภัยมหาวิทยาลัยมีสุข กองบริหารงานกลางโดย นายธัญญา ภักดี ผู้อำนวยการกองบริหารงานกลาง จึงได้นำตัวแทนสมาชิกโครงการฯ ไปศึกษาดูงานตามแผนการดำเนินโครงการประจำปี 2563 ในแนวทางเศรษฐกิจพอเพียง โดยได้รับความร่วมมือจากสถาบันวิจัยยุทธศาสตร์และประสานความร่วมมือเพื่อพัฒนาภาคตะวันออกเฉียงเหนือมหาวิทยาลัยขอนแก่น ในการประสานการเข้าศึกษาดูงานการแปรรูปผลผลิตทางการเกษตรของกลุ่มเกษตรกรที่มหาวิทยาลัยขอนแก่นให้การสนับสนุนและส่งเสริม ภายใต้โครงการแก้ไขปัญหาความยากจนตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงที่เรียกว่า “มข. แก้จน” ณ บ้านฮ่องฮี ต.ยางตลาด อ.ยางตลาด จ.กาฬสินธุ์ เมื่อวันศุกร์ที่ 24 กรกฎาคม 2563
คณะศึกษาดูงานได้เข้าเยี่ยมชมการแปรรูปผลผลิตทางการเกษตร ของกลุ่มแมงสะดิ้งจิ้งหรีดบ้านฮ่องฮี และแปลงใหญ่จิ้งหรีด โดยได้รับการต้อนรับเป็นอย่างดีจาก นางอรวรรณ วอทอง ประธานกลุ่มแมงสะดิ้งจิ้งหรีดบ้านฮ่องฮี และประธานแปลงใหญ่จิ้งหรีด และสมาชิกของกลุ่ม โดยได้รับฟังการบรรยายการผลิต เทคนิคการเลี้ยงแมลงโดยละเอียด และการแปรรูปผลผลิตของกลุ่มเกษตรกรที่สร้างโอกาสและรายได้ให้กับสมาชิกจนเป็นอาชีพของครอบครัว
นางอรวรรณ วอทอง กล่าวว่า “กลุ่มแมงสะดิ้งจิ้งหรีดบ้านฮ่องฮี ได้จดทะเบียนเป็นวิสาหกิจชุมชน และเป็นสมาชิกแปลงใหญ่ของภาครัฐ เนื่องจากมีสมาชิก 51 รายจึงสามารถเข้าร่วมโครงการแปลงใหญ่ของภาครัฐได้ โดยมีความเป็นมาจากได้เริ่มเลี้ยงแมงสะดิ้งจิ้งหรีดในครอบครัว ในปี 2550 ต่อมาได้ขยายผลสู่สมาชิกปี 2553 จากนั้น ได้รวมกลุ่มจดทะเบียนเป็นสมาชิกวิสาหกิจชุมชน เมือปี 2559 เมื่อกลุ่มขยายตัวขึ้น จึงได้จดทะเยน เป็นสมาชิกแปลงใหญ่ของภาครัฐ ในปี 2560 และกิจการของกลุ่มมีผลประกอบการดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง เนื่องจาก สินค้ามีคุณภาพ เป็นที่ต้องการของตลาด จนมีคำกล่าวติดปากว่า ‘จิ้งหรีดภาคอีสานที่อร่อยที่สุดคือจิ้งหรีดจากจังหวัดกาฬสินธุ์’ “
อรวรรณ วอทอง กล่าวต่อไปว่า “กลุ่มได้มีการจัดทำมาตรฐานฟาร์ม โดยได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐมาตั้งแต่เป็นวิสาหกิจชุมชน ได้รับการสอนเสริม จนกระทั่งมีการจัดทำมาตรฐานฟาร์ม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง มหาวิทยาลัยขอนแก่น โดยสถาบันวิจัยยุทธศาสตร์และประสานความร่วมมือเพื่อพัฒนาภาคตะวันออกเฉียงเหนือมหาวิทยาลัยขอนแก่น ได้เข้ามาช่วยทุกอย่าง ตั้งแต่จับมือพาทำ ทำให้มีคุณภาพดีกว่า มีผลผลิตเพิ่มขึ้น ช่วยจัดทำบัญชี ช่วยในการหาตลาดใหม่ๆ เข้ากลุ่ม จากการขายในโซนเดิม สอนให้มีการปรับเปลี่ยนแนวคิด เกิดการขับเคลื่อนเชื่อมโยง มีกฎระเบียบระหว่างกันในกลุ่มมากขึ้น สมาชิกของกลุ่มฯ เป็นกลุ่มแม่บ้าน คนสูงอายุที่หารายได้เสริม จำนวน 51 ราย และมีเครือข่ายทั่วจังหวัดกาฬสินธุ์ มีการเลี้ยงจิ้งหรีดใน Smart Box ลักษณะเป็นบ่อ หรือกล่องยกพื้น ขนาด 2 x 4 เมตร รวมจำนวน 950 บ่อ มีผลผลิตประมาณบ่อละ 18-20 กก. สามารถรวมผลผลิตจำหน่ายได้เดือนละ 4 ตัน ราคาตันละ 80,000 บาท ในหมู่บ้านฮ่องฮี “
ด้านรางวัลระดับประเทศที่เคยได้รับมาคือ การประกวดสื่อสร้างแรงบันดาลใจในการขายสื่อออนไลน์ ที่กระทรวงดิจิทัลจัดขึ้น โดยส่งผลงานการขายผลิตภัณฑ์ทางออนไลน์ แสดงให้เห็นถึงความรู้ความสามารถในการขายทางออนไลน์อย่างไรให้โดนใจลูกค้า เป็นอีกช่องทางหนึ่งที่ช่วยกระจายสินค้าผลิตภัณฑ์จิ้งหรีดออกมาสู่ตลาดได้อย่างกว้างขวาง ซึ่งผลงานของกลุ่มแมงสะดิ้งจิ้งหรีดบ้านฮ่องฮี เอาชนะผู้เข้าร่วมประกวดกว่า 2,000 กลุ่ม ติด 1 ใน 8 กลุ่ม และได้รางวัลในการเดินทางไปศึกษาดูงานด้านการเกษตรแผนใหม่ที่ประเทศญี่ปุ่น แต่ความภาคภูมิใจสูงสุดของชีวิตเหนือรางวัลอื่นใด คือ การได้นำผลิตภัณฑ์จิ้งหรีดขึ้นทูลเกล้าฯ ถวาย สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี เมื่อคราวเสด็จฯ มายังจังหวัดกาฬสินธุ์ เนื่องจากสมาชิกในกลุ่มส่วนหนึ่งเป็นนักเรียนในพระราชดำริ เป็นกลุ่มเศรษฐกิจพอเพียงในพระราชดำริของพระองค์ท่าน กลุ่มฯ จึงได้มีโอกาสรับเสด็จฯ และจำพระราชดำรัสได้อย่างแม่นยำว่า “จิ้งหรีดพัฒนาได้ไกล มีผลิตภัณฑ์แปรรูปที่ไม่เคยเห็นมาก่อน…เป็นกำลังใจให้…”
อรวรรณ วอทอง กล่าวในท้ายที่สุดว่า “ขอขอบพระคุณมหาวิทยาลัยขอนแก่น ที่เล็งเห็นกลุ่มเกษตรกรเล็กๆ อย่างเรา ที่เป็นชาวบ้านไม่ได้เรียนจบสูง จากที่กลุ่มฯ ไม่เคยร่วมมือกับหน่วยงานใดเลย แต่มหาวิทยาลัยขอนแก่นได้มาลงพื้นที่จริง มาช่วยทุกอย่าง จับมือพาทำจริง ผลักดันหาตลาดใหม่ๆ หาแนวทาง การบริหารจัดการให้กลุ่มฯ มีความเข้มแข็งมากขึ้นทำให้กิจการมีผลผลิตที่ดีในปัจจุบัน”
นายธัญญา ภักดี ผู้อำนวยการกองบริหารงานกลาง กล่าวขอบคุณกลุ่มแมงสะดิ้งจิ้งหรีดวิสาหกิจบ้านฮ่องฮี ว่า “ในนามของสมาชิกเครือข่ายแปลงผักปลอดภัยมหาวิทยาลัยมีสุข ของสำนักงานอธิการบดี มหาวิทยาลัยมีสุข ที่ได้เข้ามาศึกษาเรียนรู้การเลี้ยงจิ้งหรีดของกลุ่มฯวิสาหกิจชุมชนบ้านฮ่องฮี หมู่ที่ 14 ประทับใจในการนำภูมิปัญญาของชุมชนมาขยายผลในลักษณะกลุ่มผู้ประกอบการจนเป็นธุรกิจชุมชนที่เข้มแข็ง ถือเป็นแบบอย่างที่ดีอย่างยิ่ง ต้องบอกว่าได้รับความรู้เกินคาด นอกจากได้เรียนรู้เรื่องการเลี้ยง แล้ว เรายังได้เทคนิคในการเลี้ยง รวมทั้งแนวคิดในการบริหารจัดการกลุ่ม เพื่อนำไปถ่ายทอดให้สมาชิกแปลงผักปลอดภัยมหาวิทยาลัยมีสุข ขอบพระคุณคุณอรวรรณ วอทอง และสมาชิก ที่ให้การต้อนรับเป็นอย่างดี และถ่ายทอดความรู้ให้ และผัสผัสได้ถึงความอบอุ่นอย่างยิ่งในการมาศึกษาดูงานครั้งนี้”
ข่าว/ภาพ : วัชรา น้อยชมภู / พรทิพย์ คำดี