29 มีนาคม 2565 – มหาวิทยาลัยขอนแก่น ผนึกกำลัง มิส ลิลลี่ (Miss Lily) ร่วมทุนจัดตั้งบริษัทโฮลดิ้ง ภายใต้ชื่อ บริษัท เคเคยู มิส ลิลลี่ โฮลดิ้ง จำกัด (KKU Miss Lily Holding) มุ่งปั้นโครงการวิจัยสู่ตลาดจริง พร้อมผลักดันสตาร์ทอัพไทยสู่เวทีโลก เปิดสตาร์ทอัพไฮบริดรายแรก “ลิลลี่ ฟาร์มา” (Lily Pharma) ที่จะนำผลงานวิจัยและผลิตภัณฑ์ “แอนโดรกราโฟไลด์ นาโน อิมัลชัน” ออกสู่ตลาดโลก
ผศ.นพ.ธรา ธรรมโรจน์ รองอธิการบดีฝ่ายบริหารมหาวิทยาลัยขอนแก่น เปิดเผยว่า “นี่คือครั้งแรกที่ทางมหาวิทยาลัยขอนแก่นได้ร่วมกับภาคเอกชนในการเปิดบริษัทโฮลดิ้ง ซึ่งมีบริษัท มิส ลิลลี่ จำกัด เป็นผู้ร่วมทุนในการจัดตั้งบริษัท เคเคยู มิส ลิลลี่ โฮลดิ้ง จำกัด ด้วยทุนจดทะเบียน 40 ล้านบาท โดยที่มิส ลิลลี่ ถือหุ้น 51% และมหาวิทยาลัยฯ ถือ 49% ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายของกระทรวงอุดมศึกษาวิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม รวมถึงสภามหาวิทยาลัยขอนแก่นที่ต้องการผลักดันงานวิจัยเชิงพาณิชย์ ร่วมกับภาคเอกชน ด้วยทางมหาวิทยาลัยฯ มีทรัพยากรและบุคลากรที่มีศักยภาพในการทำงานวิจัย แต่ติดข้อจำกัดในเรื่องกฎระเบียบราชการและเวลาการทำงานของอาจารย์นักวิจัยที่มีภาระด้านงานสอน จึงไม่สามารถทำให้งานวิจัยออกมาใน รูปแบบผลิตภัณฑ์ได้อย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ งานวิจัยในมหาวิทยาลัยฯส่วนใหญ่ไม่ตรงกับความต้องการของตลาดจึงไม่ถูกนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด แต่ด้วยวิสัยทัศน์ของท่านอธิการบดี ที่ผลักดันให้เกิดการจัดตั้งบริษัทโฮลดิ้งขึ้น ทีมวิจัยของมหาวิทยาลัยฯ จึงได้ร่วมมือกับภาคเอกชนที่มีศักยภาพและมีมุมมองในการสร้างธุรกิจ อย่างมิส ลิลลี่ เพื่อก่อตั้งคณะทำงานในรูปแบบผสมผสาน ที่รวมเอาจุดแข็งในด้านต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นนักวิจัย เครื่องมือ และองค์ความรู้ เข้าด้วยกันเพื่อผลักดันงานวิจัยสู่การใช้ประโยชน์เชิงพาณิชย์ได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ ทั้งยังใช้เงินลงทุนน้อยกว่างานวิจัยที่ดำเนินการโดยภาคเอกชนหรือภาครัฐเพียงลำพัง โดยบริษัทโฮลดิ้งนี้ มีวัตถุประสงค์ในการลงทุนสร้างธุรกิจสตาร์ทอัพที่มีนวัตกรรมด้านสุขภาพและเทคโนโลยีในสาขาต่างๆ ที่สามารถส่งออกไปสู่ตลาดโลก”
นายเรวัต จินดาพล ผู้ก่อตั้ง บริษัท มิส ลิลลี่ จำกัด ผู้บุกเบิกธุรกิจสั่งดอกไม้ออนไลน์เจ้าแรกของประเทศไทยกล่าวว่า “บริษัทฯ ร่วมมือกับมหาวิทยาลัยฯ ในการสร้างสตาร์ทอัพ โดยใช้แนวคิดในการสร้างงานวิจัยออกสู่ตลาดมุ่งเน้นผลิตภัณฑ์ที่ออกมา Disrupt ตลาดในปัจจุบัน และต้องมีจุดเด่นที่ตอบโจทย์ความต้องการในตลาดโลก เพื่อประโยชน์ที่จะมอบแก่ผู้คน ชุมชน และเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ บริษัทฯ จึงใช้การวิเคราะห์และสร้างรูปแบบธุรกิจ (Business Model) เพื่อให้เกิดความชัดเจนทางด้านการตลาดและใช้เทคโนโลยีในการพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อให้เกิดความได้เปรียบในการแข่งขันกับผลิตภัณฑ์เดิมที่มีอยู่ในตลาด บริษัทฯ ยังได้ส่งทีมนักวิทยาศาสตร์เข้าทำงานวิจัยในห้องปฏิบัติการของมหาวิทยาลัยฯ ตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2564 รวมถึงทีมงานสาขาแพทยศาสตร์ เภสัชกรรม วิศวกรรมศาสตร์ เข้ามาร่วมทำงานกับทีมวิจัยของมหาวิทยาลัยฯ จึงเป็นการเปลี่ยนรูปแบบการทำงานในรูปแบบไฮบริด เพื่อตัดข้อจำกัดในรูปแบบระบบราชการ ทำให้โครงการมีความคืบหน้าไปได้อย่างมีประสิทธิภาพเห็นตัวอย่างได้อย่างชัดเจนจากการที่บริษัทฯ สามารถนำผลงานวิจัย แอนโดรกราโฟไลด์ นาโน อิมัลชัน จากห้องวิจัยออกมาสู่โรงงานผลิตได้ภายในระยะเวลาเพียง 7 เดือน”
“บริษัท ลิลลี่ ฟาร์มา จำกัด ซึ่งเป็นสตาร์ทอัพไฮบริดบริษัทแรกของบริษัทโฮลดิ้ง ได้นำผลงานวิจัยด้านแอนโดรกราโฟไลด์ นาโน อิมัลชัน มาพัฒนาขึ้นเป็นผลิตภัณฑ์ในรูปแบบสเปรย์พ่นคอ โดยจดแจ้งทะเบียนกับสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) เป็นเครื่องสำอาง เพื่อความรวดเร็วในการนำสินค้าสู่ตลาด ทั้งนี้หากจดทะเบียนเป็นผลิตภัณฑ์ยาอาจใช้เวลานาน 3-5 ปี ซึ่งจะไม่สามารถตอบสนองความต้องการของตลาดได้ทันท่วงที การจดทะเบียนผลิตภัณฑ์ในรูปแบบเครื่องสำอางทำให้บริษัทฯสามารถผลิตออกมาจำหน่ายได้รวดเร็ว โดยเริ่มที่ร้านขายยาและโรงพยาบาลทั่วประเทศ เช่น ร้านค้า มูลนิธิคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังกำลังเจรจากับร้านขายยาในกลุ่มโมเดิร์นเทรด เช่น ร้านยา eXta ในเซเว่น อีเลเว่น, ร้านยา Pure ในบิ๊กซี, ร้านยาในโลตัส รวมถึงร้านขายยาเครือใหญ่ เพื่อให้สินค้าเข้าถึงผู้บริโภคได้ง่ายยิ่งขึ้น”
โดยลิลลี่ ฟาร์มา ซึ่งเป็นบริษัท สตาร์ทอัพ ที่นำผลงานวิจัย แอนโดรกราโฟไลด์ นาโน อิมัลซัน มาออกเป็นผลิตภัณฑ์สเปรย์พ่นคอ ซึ่งจดแจ้งกับ อย.เป็นประเภทเครื่องสำอง ภายใต้ชื่อ “N DRO CARE” พร้อมจะวางจำหน่าย ตามร้าน โรงพยาบาล ร้านขายยา และโมเดิร์นเทรดชั้นนำทั่วไป ในเดือนเมษายนนี้