สำนักข่าว: khonkaenlive
วันที่เผยแพร่: 1 ก.พ. 2564
เมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 31 มกราคม ที่ห้องประชุมชั้น 2 สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดขอนแก่น นพ.สมชายโชติ ปิยวัชร์เวลา นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดขอนแก่น พร้อมด้วย รศ.นพ.ทรงศักดิ์ เกียรติชูสกุล ผู้อำนวยการโรงพยาบาลศรีนครินทร์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น และ พญ.นาตยา มิลส์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลขอนแก่น ร่วมกันแถลงข่าวหลังพบผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 รายใหม่ของจังหวัด ซึ่งเป็นรายที่ 11 ผู้ชาย อายุ 57 ปี ชาว จ.มหาสารคาม ขณะนี้เข้ารับการรักษาตัวอยู่ที่ รพ.ศรีนครินทร์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น
นพ.สมชายโชติกล่าวว่า ผู้ป่วยรายดังกล่าวเป็นชายวัย 57 ชาว จ.มหาสารคาม ขับรถยนต์ส่วนตัวมาพร้อมกับภรรยา เพื่อเข้ารับการตรวจที่โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งของ จ.ขอนแก่น เมื่อเวลา 17.00 น. วันที่ 27 ม.ค.ที่ผ่านมา โดยมีอาการวิงเวียน มีไข้ แพทย์ได้ทำการตรวจคัดกรองพบว่าปอดติดเชื้อ จึงได้ประสานโรงพยาบาลศรีนครินทร์ เพื่อส่งตัวผู้ป่วยเข้ารับการรักษาต่อพร้อมกับใช้ท่อช่วยหายใจและเครื่องช่วยหายใจเนื่องจากปอดมีอาการลุกลามจากปอดด้านขาวไปซ้าย
“ขณะนี้อาการดีขึ้นตามลำดับและอยู่ในการดูแลของแพทย์ที่โรงพยาบาลศรีนครินทร์อย่างใกล้ชิด ในส่วนของบุคลากรของทางโรงพยาบาลเอกชนซึ่งรับตัวผู้ป่วยเข้ารับการรักษาภายในโรงพยาบาลนั้น มีบุคลากรที่มีความเสี่ยงต่ำจำนวน 6 คน ขณะนี้ได้เข้าสู่กระบวนการสังเกตตัวเองและรายงานต่อทีมงานทุกวัน ขณะเดียวกีนยังคงมีบุคลากรที่มีความเสี่ยงสูงจำนวน 8 คน ซึ่งโรงพยาบาลได้มีคำสั่งกักตัว 14 วัน และเก็บตัวอย่างส่งตรวจหาเชื้อทั้งหมดแล้ว ตามมาตรการป้องกันและเฝ้าระวังสูงสุด”
นพ.สมชายโชติกล่าวต่ออีกว่า สำหรับผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ของ จ.มหาสารคาม ที่มีไทม์ไลน์สัมผัสร่วมกับคนขอนแก่น ขณะนี้ทีมสอบสวนโรคของเราได้มีการประสานข้อมูลกับทางสาธารณสุขจังหวัดมหาสารคาม พร้อมส่งทีมเคลื่อนที่เร็วไปทำการตรวจคัดกรองผู้ที่มีความเสี่ยงทั้งหมดแล้ว ประกอบด้วย อ.บ้านไผ่ 6 ราย, อ.พล 1 ราย, อ.เมืองขอนแก่น 1 ราย และ อ.ชุมแพ 6 ราย ผลตรวจทุกคนเป็นลบ แต่ก็ต้องเข้าสู่กระบวนการกักตัวตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 อย่างเข้มงวด อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ทีมแพทย์สังกัดสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดขอนแก่น จะส่งทีมสอบสวนโรคและเคลื่อนที่เร็วจะเดินทางไปปฏิบัติหน้าที่ช่วยเข้าหน้าที่ที่สมุทรสาคร ในวันที่ 5 ก.พ และวันที่ 11 ก.พ. จะส่งอีก 3 ทีมไปช่วยที่โรงพยาบาลสนาม จ.สมุทรสาคร โดยจังหวัดได้มีการจัดทีมสอบสวนโรค และเคลื่อนที่เร็วไว้สำหรับกรณีที่มีการร้องขอ ก็จะพร้อมปฏิบัติงานทันที
ขณะที่ รศ.นพ.ทรงศักดิ์ เกียรติชูสกุล ผู้อำนวยการโรงพยาบาลศรีนครินทร์ กล่าวว่า ในผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อโควิด-19 รายที่ 11 ของขอนแก่นนั้น มีโรคประจำตัวคือ โรคเกาต์ และความดันโลหิตสูง โดยผู้ป่วยให้ข้อมูลกับทีมแพทย์ว่ามีไข้มาประมาณ 8 วัน โดยเข้ารับการรักษาที่ในจังหวัดมหาสารคาม แต่อาการไม่ดีขึ้น ก่อนจะเข้ารับการตรวจที่โรงพยาบาลเอกชนและพบว่าปอดติดเชื้อ
“จากนั้น รพ.ศรีนครินทร์ได้รับการประสานและรับตัวผู้ป่วยมาในช่วงเย็นวันที่ 29 ม.ค.เบื้องต้นพบว่าผู้ป่วยมีไข้ มีภาวะปริมาณออกซิเจนในเลือดค่อนข้างต่ำ หายใจเร็วเล็กน้อย จากการตรวจสอบผลเอกซเรย์ปอดเบื้องต้นพบว่ามีรอยโรคการติดเชื้อที่บริเวณปอดด้านขวา โดยแพทย์ที่รับการรักษาประเมินว่าต้องใช้ท่อช่วยหายใจ และเครื่องช่วยหายใจตั้งแต่เริ่มต้น ซึ่งปริมาณออกซิเจนในเลือดก็เริ่มดีขึ้นตามลำดับ และให้ยารักษาตั้งแต่เริ่มต้น ขณะนี้อาการของผู้ป่วยซึ่งเข้าสู่วันที่ 3 พบว่าไข้เริ่มลง สามารถลดการใช้ออกซิเจนลงไปได้ และในช่วงเช้าที่ผ่านมาได้เริ่มให้อาหารทางสายยาผู้ป่วย ลดยาคลายกล้ามเนื้อที่ช่วยในการประคองเรื่องการหายใจ ซึ่งผู้ป่วยเริ่มรู้สึกตัวดีขึ้นหลังจากลดยาลง แต่มีปัญหาเพิ่มเติมคือผู้ป่วยมีภาวะแทรกซ้อน”
รศ.นพ.ทรงศักดิ์กล่าวเพิ่มเติมว่า ขณะนี้ผู้ป่วยอาการเริ่มทรงตัว ไข้ลดลง แพทย์ได้ให้ยาต้านไวรัส 2 ชนิดควบคู่กัน ซึ่งผลการตอบสนองของผู้ป่วยมีแนวโน้มดีขึ้นตามลำดับ และในวันพรุ่งนี้ก็จะเริ่มการปรับลดออกซิเจน และปรับลดเครื่องช่วยหายใจให้ลดน้อยลง ซึ่งจะมีการประเมินเป็นรายวันไป ซึ่งผลการเอกซเรย์ปอดนั้น อาการของโรคมีการดำเนินอย่างรวดเร็ว จากที่พบในวันแรกพบว่าเป็นจุดไม่กี่จุดที่บริเวณปอดด้านขวา ก่อนจะลุกลามขึ้นไปด้านบนของปอดทั้งหมดอย่างรวดเร็ว และลุกลามมายังปอดด้านซ้าย ซึ่งทีมแพทย์ที่ให้การรักษาหลังจากให้ยาต้านไปแล้วพบว่ามีการควบคุมการติดเชื้อได้ค่อนข้างดีและการรักษาเป็นไปตามแผน นอกจากการดูแลผู้ป่วยรายนี้แล้ว ทางโรงพยาบาลจะได้มีการเพิ่มมาตรการในการคัดกรองผู้ป่วยที่มีประวัติมาจากพื้นที่ควบคุมสูงสุดซึ่งจะต้องปฏิบัติตามคำแนะนำของทางเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลอย่างเคร่งครัดหากมาถึงโรงพยาบาลจะต้องแจ้งทันที ซึ่งทางโรงพยาบาลได้มีการจัดสถานที่ไว้โดยเฉพาะและให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ผ่านระบบวิดีโอคอล