สำนักข่าว: ประชาชาติธุรกิจ
URL: https://www.prachachat.net/csr-hr/news-486884
วันที่เผยแพร่: 6 ก.ค. 2563
“ขอนแก่น” เป็นจังหวัดที่มีผู้สูงอายุมากถึง 276,029 คน ซึ่งถือเป็นร้อยละ 15 ของประชากรทั้งจังหวัด และเป็นอันดับ 4 ของทั้งประเทศ เพราะมีผู้ป่วยติดเตียงของทั้งประเทศมากประมาณ 150,000 คน โดยมีผู้สูงอายุที่มีสภาพความเป็นอยู่ที่ขาดแคลนทุนทรัพย์อีกมากมายที่ยังต้องการรับเบี้ยยังชีพในแต่ละเดือน ทำให้ต้องตระหนักต่อการซื้ออุปกรณ์ในการรักษา ซึ่งรวมไปถึงเตียงที่ใช้ในการรักษาสำหรับผู้สูงอายุและผู้ป่วยที่มีภาวะติดเตียงด้วย
ที่สำคัญ เตียงนอนที่บ้านของผู้ป่วยบางพื้นที่ ไม่เหมาะกับการดูแลผู้ป่วยมากนัก จนทำให้ผู้ป่วยเกิดภาวะแทรกซ้อนอย่างแผลกดทับตามมาได้ซึ่งถ้าหากปล่อยให้ผู้ป่วยต้องอยู่ในสภาพติดเตียงเป็นเวลานาน อาจจะต้องเพิ่มค่าใช้จ่ายในด้านการรักษาพยาบาล และอาจจะแพงเกินกว่าญาติผู้ป่วยจะรับไหว จนเกิดเป็นภาวะรุนแรงอื่น ๆ ตามมา
ด้วยปัญหาเหล่านี้ ทางกลุ่มวิจัยและออกแบบเพื่อสังคมสูงวัยคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น (มข.) จึงดำเนินงานโครงการวิจัยและออกแบบที่นอนลมจากถุงน้ำยาล้างไต สำหรับผู้สูงอายุและผู้ป่วยที่มีภาวะติดเตียง โดยมีการส่งมอบที่นอนลมจากถุงน้ำยาล้างไต สำหรับผู้สูงอายุและผู้ป่วยที่มีภาวะติดเตียง จำนวน 10 ชุดให้กับเทศบาลเมืองศิลา อำเภอเมือง จังหวัดขอนแก่น เมื่อไม่นานผ่านมา
“จตุรพิธ พิมพ์แสง” ตัวแทนของทีมผู้ออกแบบคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น (มข.) บอกว่าทีมคณาจารย์ผู้ออกแบบประกอบด้วย ผศ.ดร.สุรกานต์ รวยสูงเนิน, ผศ.ชลวุฒิ พรหมสาขา ณ สกลนคร, ผศ.ดร.นยทัต ตันมิตร และอาจารย์อภิญญา อาษาราชซึ่งเป็นที่ปรึกษาในการออกแบบ ได้เล็งเห็นความสำคัญของการทำที่นอนลมเพื่อผู้สูงอายุ และผู้ป่วยที่มีภาวะติดเตียงจากถุงน้ำยาล้างไตว่า ปัจจุบันมีการนำขยะมาประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันมากมาย และมีการสร้างมูลค่าที่สูงขึ้นจากการออกแบบเพื่อการใช้งานต่าง ๆไม่ว่าจะเป็นขยะมูลฝอย ขยะจากโรงงานอุตสาหกรรม หรือแม้กระทั่งขยะจากโรงพยาบาล
“ซึ่งขยะในโรงพยาบาลไม่ได้มีเพียงแค่ขยะที่ติดเชื้อจากการรักษาเท่านั้นแต่ยังมีขยะที่สามารถนำกลับมาใช้งานใหม่ได้ โดยมีเนื้อวัสดุที่มีความหนา เหนียว และทนทาน อีกทั้งยังอยู่ในสภาพที่สะอาด ปลอดภัย โดยจะพบได้จากวัสดุของถุงน้ำยาล้างไต เพราะเป็นวัสดุที่ต้องสะอาดอยู่ตลอดเวลา เนื่องจากต้องนำไปล้างไต ซึ่งเป็นอวัยวะส่วนสำคัญในร่างกายที่ได้จากโรงพยาบาล และบ้านผู้ป่วยโรคไตที่ทางโรงพยาบาลได้จำหน่ายให้กับผู้ป่วยนำกลับไปรักษาด้วยตนเองที่บ้านด้วย”
“โดยเฉลี่ยแล้ว ถุงน้ำยาล้างไตกลายเป็นขยะจำนวนมาก ซึ่งเมื่อใช้งานเสร็จ ทางโรงพยาบาลและทางบ้านผู้ป่วยจะนำไปทิ้งรวมกับขยะมูลฝอย ทำให้คุณค่าของวัสดุไม่ได้ถูกใช้งานให้เกิดประโยชน์อีกต่อไป ทางคณะผู้ออกแบบจึงเล็งเห็นประโยชน์ของถุงล้างไตเหล่านี้มาผลิตเป็นที่นอนลม ซึ่งการออกแบบที่นอนลมจากถุงน้ำยาล้างไต เป็นไปได้ด้วยดี มีการออกแบบมาเพื่อการใช้งานเฉพาะจุด อย่างเช่นบริเวณหลังและก้น ที่สามารถดึงออกมาทำความสะอาด หรือดึงออกเพื่อให้มีการระบายอากาศได้มากขึ้นในบริเวณนี้”
“ซึ่งเป็นจุดสำคัญอย่างมากในการป้องกันแผลกดทับ อีกทั้งส่วนอื่น ๆของที่นอน ก็ยังดึงออกได้เช่นกันโดยการออกแบบนี้ได้คำนึงถึงการกดทับเป็นสำคัญ จึงได้ออกแบบให้มีลอนของที่นอนที่ระดับต่างกันสลับไปมา ทำให้การนอนมีจุดกดทับที่ไม่ใช่ทุกจุด หากบริเวณไหนกดทับมาก ๆ ก็ดึงออกได้ ทำให้ไม่เกิดแผลกดทับจากการนอนติดเตียงได้”
สำหรับที่นอนลมใช้ผ้าที่เป็นเทคโนโลยีท้องถิ่น และมีความเป็นเอกลักษณ์ของอัตลักษณ์พื้นถิ่นอย่างลายผ้าขาวม้า ที่เมื่อเห็นแล้วจะนึกถึงความเป็นท้องถิ่นทันที อีกทั้งผ้าขาวม้ายังใช้ภูมิปัญญาที่ทำให้ผ้ามีความนุ่มสบายกว่าผ้าฝ้ายชนิดอื่น ๆ นั่นคือวิธีการหมักโคลน ทำให้ผ้านุ่ม เมื่อใช้งานแล้วจะทำให้การนอนนั้นสบายมากยิ่งขึ้นไปอีก
อีกทั้งสีของผ้าฝ้ายขาวม้าหมักโคลน ยังเป็นสีโทนธรรมชาติ ส่งผลต่อความรู้สึกที่สบายใจในการนอนมากขึ้น โดยได้ทำการศึกษาใน 5 ด้านคือ ในด้านของการจัดการถุงน้ำยาล้างไต, ด้านการประกอบที่นอนลม,ด้านการทำความสะอาด, ด้านกระบวนการใช้งานที่นอนลม และด้านการกดทับของน้ำหนักลงบนที่นอน
โดยภาพรวมของที่นอนเมื่อเปรียบเทียบกับการใช้งานและกลุ่มตัวอย่างแล้ว ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ดี และเหมาะสมกับการใช้งานของผู้สูงอายุที่มีภาวะติดเตียง