โครงการค่ายร่วมอาสาพัฒนาชนบทมหาวิทยาลัยขอนแก่นและมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ครั้งที่ 32 ได้จัดขึ้น ณ มหาวิทยาลัยขอนแก่น, โรงเรียนบ้านท่ากระเสริม และชุมชนบ้านท่ากระเสริม ตำบลท่ากระเสริม อำเภอน้ำพอง จังหวัดขอนแก่น ในวันที่ 26-30 มีนาคม 2567 ที่ผ่านมา โดยโครงการค่ายฯ ครั้งนี้ รศ.เพียรศักดิ์ ภักดี รองอธิการบดีฝ่ายพัฒนานักศึกษาและศิษย์เก่าสัมพันธ์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ได้เป็นผู้แทนจากมหาวิทยาลัยขอนแก่นในการต้อนรับผู้บริหาร คณะทำงาน และนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ นำโดย ผศ.ดร.วรพจน์ เสรีรัฐ ผู้ช่วยอธิการบดีมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ที่ได้เดินทางมาร่วมกิจกรรมในครั้งนี้ด้วย พร้อมกันนี้ในวันที่ 26 มี.ค. ได้มีการร่วมกิจกรรมต้อนรับสู่เมืองขอนแก่นและรอบรั้วมอดินแดงในช่วงเช้า โดยในช่วงบ่าย นักศึกษาค่าย มข.-มช. ได้ร่วมฟังบรรยาพิเศษหัวข้อ “การสร้างจิตสำนึกความยั่งยืน (SDGs) สำหรับการพัฒนานักศึกษา” โดย ผศ.รัชด ชมภูนิช รองอธิการบดีฝ่ายกิจการนิสิตและพัฒนาอย่างยั่งยืน ม.เกษตรศาสตร์ และประธานคณะกรรมการพัฒนาศักยภาพนิสิตนักศึกษา ที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย (ทปอ.) ณ ห้อง AG 7011 คณะเกษตรศาสตร์ มข. และในช่วงค่ำได้มีกิจกรรมต้อนรับสู่มหาวิทยาลัยขอนแก่นที่ คุ้มสีฐาน ภายใต้ชื่องาน “ศรีศรีเอิ้นโฮมเฮียกขวัญ สานสัมพันธ์มั่นแก่น สายแนนฮักษา ชาวค่ายอาสา มข.-มช.”
โครงการค่ายร่วมอาสา มข.-มช. ได้นำเนินกิจกรรม ณ โรงเรียนบ้านท่ากระเสริม และชุมชนบ้านท่ากระเสริม ในวันที่ 27-30 มีนาคม 2567 โดยพื้นที่ในการทำกิจกรรมหลักจะเป็นพื้นที่โรงเรียนบ้านท่ากระเสริม ที่จะเป็นการทำกิจกรรมต่าง ๆ ทั้งกิจกรรมอาสาพัฒนาโรงเรียน กิจกรรมนันทนาการ และในส่วนพื้นที่ชุมชนบ้านท่ากระเสริมนั้นนับเป็นพื้นที่ที่มีความร่วมมือในการดำเนินงานกับมหาวิทยาลัยขอนแก่นอย่างเหนียวแน่น ผ่านกิจกรรมในการนำผลงานวิจัยและนวัตกรรมขับเคลื่อนการให้บริการวิชาการในรูปแบบของการสร้างคุณค่าร่วมกัน (CSV; Creating shared value) ผนวกกับการพัฒนาสังคมและยกระดับคุณภาพชีวิตตามเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) ที่เป็นเป้าหมายของมหาวิทยาลัยขอนแก่น
โดยพิธีเปิดโครงการในวันที่ 27 มีนาคม 2567 ณ โรงเรียนบ้านท่ากระเสริม ได้รับเกียรติจาก รศ.เพียรศักดิ์ ภักดี รองอธิการบดีฝ่ายพัฒนานักศึกษาและศิษย์เก่าสัมพันธ์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น กล่าวต้อนรับผู้เข้าร่วมโครงการค่ายอาสาพัฒนาชนบทมหาวิทยาลัยขอนแก่นและมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ พร้อมให้ข้อมูลถึงโครงการในครั้งนี้ และกล่าวว่า “การออกค่ายร่วมระหว่าง มข.-มช. เริ่มดำเนินการตั้งแต่ปี พ.ศ.2535 โดยปรับเปลี่ยนกันเป็นเจ้าภาพตั้งแต่นั้นมา เพื่อมุ่งหวังให้เกิดการปลูกฝังแนวคิดการอุทิศเพื่อชุมชนและสังคมแก่นักศึกษา พร้อมส่งเสริมความสัมพันธ์อันดีระหว่างนักศึกษาและบุคลากร นอกจากนี้การดำเนินโครงการค่าย ฯ ในครั้งนี้จึงเป็นการต่อยอดและขยายผลการขับเคลื่อนการพัฒนาชุมชนไปพร้อม ๆ กัน ”
รศ.เพียรศักดิ์ ภักดี รองอธิการบดีฝ่ายพัฒนานักศึกษาและศิษย์เก่าสัมพันธ์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น กล่าวต้อนรับผู้เข้าร่วมโครงการค่ายอาสาพัฒนาชนบทมหาวิทยาลัยขอนแก่นและมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ พร้อมให้ข้อมูลถึงโครงการในครั้งนี้ และกล่าวว่า “การออกค่ายร่วมระหว่าง มข.-มช. เริ่มดำเนินการตั้งแต่ปี พ.ศ.2535 โดยปรับเปลี่ยนกันเป็นเจ้าภาพตั้งแต่นั้นมา เพื่อมุ่งหวังให้เกิดการปลูกฝังแนวคิดการอุทิศเพื่อชุมชนและสังคมแก่นักศึกษา พร้อมส่งเสริมความสัมพันธ์อันดีระหว่างนักศึกษาและบุคลากร นอกจากนี้การดำเนินโครงการค่าย ฯ ในครั้งนี้จึงเป็นการต่อยอดและขยายผลการขับเคลื่อนการพัฒนาชุมชนไปพร้อม ๆ กัน ”
ทางด้าน ผศ.ดร.วรพจน์ เสรีรัฐ ผู้ช่วยอธิการบดีมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ได้ขอบคุณถึงการต้อนรับอันอบอุ่นของมหาวิทยาลัยขอนแก่น พร้อมกล่าวว่า “มหาวิทยาลัยขอนแก่นและมหาวิทยาลัยเชียงใหม่มีความสัมพันธ์อย่างเหนียวแน่นและใกล้ชิดกันเสมอมา การดำเนินโครงการในครั้งนี้จึงเป็นก้าวสำคัญของความร่วมมือในการดูแลและพัฒนาสังคมผ่านกิจกรรมจิตอาสา การเรียนรู้ชุมชน การอยู่ร่วมกันของนักศึกษาและชุมชน นับเป็นการเรียนรู้เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตตามเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) และการสร้างคุณค่าร่วมกัน (CSV) ค่าย มข.-มช. ในครั้งนี้ไม่ใช่แค่เพียงการเสริมสร้างความร่วมมือและความสัมพันธ์อันดีระหว่างกัน แต่จะส่งผลต่อการดำเนินงานและขับเคลื่อนระบบนิเวศในการแบ่งปันต่อไป
นายเกรียงไกร ถูหลงเพีย ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านท่ากระเสริม หนึ่งในวิทยากรในโครงการค่าย มข.-มช. ได้กล่าวถึงความรู้สึกถึงการดูแลและให้ความรู้กับ นศ. กับโครงการในครั้งนี้ว่า “ ผมรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ดูแลนักศึกษาที่มาทำกิจกรรมที่บ้านท่ากระเสริมในครั้งนี้ นักศึกษาทุกคนมีความสนใจและเอาใจใส่ถึงสิ่งที่พวกเราได้ให้ความรู้ตลอดเวลา นอกเหนือจากความรู้ที่เราได้ให้ไป คือ ความรู้ต่าง ๆ ที่นักศึกษาได้มอบให้ชาวบ้าน คนเฒ่า คนแก่ ที่เป็นพ่อฮัก แม่ฮัก ที่มาพร้อมรอยยิ้มเสมอ และสิ่งที่ชุมชน วิทยากร ได้ให้ไปนั้นก็หวังว่านักศึกษาจะนำเอาไปเรียนรู้ พัฒนา และส่งเสริมให้กับชุมชนของนักศึกษาในอนาคต ”
นายวรเทพ หล้าพรหม คณะนิติศาสตร์ ชั้นปีที่ 3 มหาวิทยาลัยขอนแก่น ประธานค่ายฯ ฝั่งมหาวิทยาลัยขอนแก่น ได้กล่าวความรู้สึกหลังจากการร่วมค่ายฯ ในครั้งนี้ว่า “เริ่มต้นเมื่อสิ้นสุด” จากค่ายครั้งที่ 31 ที่ผมได้เข้าร่วมสร้างความผูกพันและความประทับใจ ได้รู้จักเพื่อน ๆ ชาวเชียงใหม่ ความผูกพันที่เกิดขึ้น ยังสานสัมพันธ์ให้ปัจจุบันผมยังติดต่อกับเพื่อน ๆ ได้ และจากครั้งนั้นสู่ครั้งนี้ กับค่าย มข.-มช. ครั้งที่ 32 ผมได้เป็นประธานค่าย จากจุดสิ้นสุดนำมาสู่การเริ่มต้นใหม่เพื่อสานต่อสิ่งที่เราได้ทำมา ในความรู้สึกแรกยอมรับว่า ตื่นเต้นมาก ๆ ความคาดหวังกับสิ่งที่ตั้งตารอในกิจกรรมต่าง ๆ มันเกิดขึ้นเยอะมาก แต่ก็สามารถผ่านมาได้ด้วยดี ทั้งพี่ ๆ กองพัฒนานักศึกษาและศิษย์เก่าสัมพันธ์ที่ให้คำปรึกษา และเพื่อน ๆ คณะทำงานทุกคน ทำให้ผมเชื่อได้เลยว่า ค่ายครั้งที่ 32 จะสร้างความทรงจำที่ดีเช่นเดียวกับที่ผมเคยได้รับ และมันก็เกิดขึ้นจริง ๆ ตลอดระยะเวลา 5 วัน 4 คืน ที่เราได้ทำกิจกรรมร่วมกัน รอยยิ้มและความสุขที่ทุก ๆ คนแบ่งปันให้กัน ทำให้เราหายเหนื่อย ค่ายครั้งนี้อาจจะจบลงไปแล้ว แต่สิ่งที่ได้กลับมาคือการเติมไฟ เติมพลัง เติมกำลังใจให้กันและกัน ซึ่งผมก็หวังว่าในการจัดกิจกรรมค่ายครั้งต่อไป ขอให้ค่ายเป็นที่โอบรับทุกคนเอาไว้ สร้างความสัมพันธ์ที่ดี รู้จักกัน ยิ้มให้กัน ส่งต่อจากจุดสิ้นสุดสู่การเริ่มต้นใหม่ในทุก ๆ ครั้ง
นายอนุวัฒน์ เทียบดอกไม้ คณะวิศวกรรมศาสตร์ ชั้นปีที่ 3 มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ประธานค่ายฯ ฝั่งมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ได้กล่าวความรู้สึกหลังจากการร่วมค่ายฯ ในครั้งนี้ว่า ค่ายร่วมอาสาพัฒนาชนบท มข.-มช. ครั้งนี้ ให้อะไรผมเยอะมาก ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาทักษะการทำงานในรูปแบบต่าง ๆ ทั้งด้านการบริหารและการจัดการ พร้อมทักษะด้านอื่น ๆ จากงานที่ได้รับมอบหมาย ความรู้สึกหลังจากที่ได้มาค่ายนี้เป็นครั้งที่ 2 รู้สึกดีใจและรู้สึกขอบคุณอะไรหลาย ๆ อย่างที่พาตัวเองมาเจอที่นี่ได้ ได้เจอเพื่อนทั้งจาก มข. และ มช. ทุกคนน่ารักมาก ๆ บรรยากาศภายในค่ายอบอุ่นมาก อาหารอร่อย ชาวบ้านที่บ้านท่ากระเสริมก็ใจดี น่ารักกับนักศึกษามาก ๆ ค่ายนี้เป็นค่ายที่ผมชอบที่สุดในชีวิตมหาวิทยาลัยเลยก็ว่าได้ เพราะไม่ได้มีโอกาสบ่อย ๆ ที่จะทำความรู้จักกับเพื่อนต่างมหาวิทยาลัยมากนัก นอกจากนี้ มข. ยังเป็นอีกมหาวิทยาลัยที่ผมชื่นชอบด้วย ทำให้การมาครั้งนี้ของผมสนุกยิ่งกว่าเดิม เหมือนผมได้กลับมาบ้าน ได้มาเจอเพื่อน ๆ พี่ ๆ น้อง ๆ
ข่าว :: ปรีดี ศรีตระกูล
ภาพ :: ปรีดี ศรีตระกูล , กัญญาลักษณ์ แสงฉาย นักศึกษาคณะนิติศาสตร์ ชั้นปีที่ 4