เมื่อวันที่ 10-13 มีนาคม 2568 ที่ผ่านมา อุปนายกสภามหาวิทยาลัยขอนแก่น คณบดีคณะศึกษาศาสตร์ คณบดีวิทยาลัยนานาชาติ และคณบดีวิทยาลัยการปกครองท้องถิ่น พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร เดินทางไปเยือนกรุงอัสตานา ประเทศคาซัคสถาน เพื่อขยายเครือข่ายความร่วมมือทางวิชาการและวิจัยกับสถาบันการศึกษาชั้นนำในคาซัคสถานและเป็นอันดับหนึ่งของภูมิภาคเอเชียกลาง

.

การิเริ่มและขยายความร่วมมือในพื้นที่ใหม่ดังเช่นคาซัคสถาน เกิดจากโอกาสที่ไทยและคาซัคสถานมีความสัมพันธ์ที่แนบแน่นในระยะที่ผ่านมา มีการออกนโยบายฟรีวีซ่าของพลเมืองทั้งสองประเทศ และชาวคาซัคสถานถือว่าประเทศไทยคือจุดหมายการเดินทางที่สำคัญ (Destination) โดยเฉพาะด้านการท่องเที่ยว ประเทศคาซัคสถานถือเป็นประเทศพัฒนาใหม่ของภูมิภาคเอเชียกลางที่มีความเจริญรุดหน้าทางด้านเศรษฐกิจ วิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี ตั้งอยู่บนเส้นทางสายไหมและเส้นทางยุทธศาสตร์หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทางที่สามารถเชื่อมโยงกับประเทศไทยและภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จากที่ประเทศไทยได้กลายเป็นจุดหมายปลายทางสำคัญของคาซัคสถาน จึงเป็นโอกาสที่ดีของมหาวิทยาลัยขอนแก่นที่จะเข้าไปริเริ่มและแสวงหาความร่วมมือใหม่ ๆ กับสถาบันการศึกษาของคาซัคสถานโดยเฉพาะด้านวิชาการและวิจัย โดยคณะ/วิทยาลัย ที่ร่วมคณะเดินทางมีเป้าหมายสำคัญที่จะริเริ่มความร่วมมือกับสถาบันการศึกษาในคาซัคสถานดังนี้

รศ.ดร.อิศรา ก้านจักร คณบดีคณะศึกษาศาสตร์ กล่าวว่า จากนโยบายที่ท่านอธิการบดีได้มอบให้เกี่ยวกับการสร้างยุทธศาสตร์ International Network: KKU Teamwork นำโดย ท่านอุปนายกสภามหาวิทยาลัย และคณะผู้บริหารจาก ED, COLA, and IC สร้างเครือข่ายความร่วมมือทางวิชาการกับ Nazarbayev Intellectual Schools (NIS) ซึ่งมีทั้งหมด 22 แห่งทั่วประเทศ NIS ถือเป็นโรงเรียนระดับครีมที่สุดและเป็นต้นแบบโรงเรียนแนวใหม่ของประเทศคาซัคสถาน มีวิสัยทัศน์ “We provide high learning and teaching in a safe and inclusive environment in a changing world” นักเรียนที่นี่ถูกหล่อหลอมในหลักสูตรที่มีมาตรฐานระดับโลก พร้อมทั้งการพัฒนาคุณลักษณะแบบ Global Mindset and Leadership มีความเป็นกันเองและเคารพให้เกียรติผู้อื่น การเรียนการสอนเน้น Multilingual ซึ่งสอดคล้องกับแนวทางตามหลักสูตรใหม่ของโรงเรียนสาธิตนานาชาติ (KKUIDS) ที่คณะศึกษาศาสตร์ได้พัฒนาขึ้นและจะเริ่มดำเนินการในปีการศึกษาหน้า

นักเรียนที่จบจาก NIS จำนวน 32 คนที่สอบเข้าเรียนใน Ivy League Universities จำนวน 654 คนที่สอบเข้าเรียนใน QS Top 100 World Universities และอีก 4,234 คนที่สอบเข้าเรียนในสถาบันการศึกษาในต่างประเทศ และจำนวน 5,265 คนที่สอบเข้าเรียนใน Nazarbayev University ซึ่งถือเป็นมหาวิทยาลัยอันดับ 1 ของคาซัคสถาน คณะได้เยี่ยมชมการจัดการเรียนการสอน พูดคุยกับนักเรียน เยี่ยมชมห้องปฏิบัติการและชมรมต่าง ๆ ของโรงเรียน และได้ประชุมร่วมกับ School MD และ School Director เพื่อแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ระหว่างกัน โดยทาง ED ได้เสนอหลักสูตรและการจัดการศึกษาของโรงเรียนสาธิตฯ, IC และ COLA เสนอการจัดโปรแกรม Extra Curricular จากการหารืออภิปรายร่วมกันทำให้ได้ข้อสรุปที่จะเป็นโครงการ Quick Win สำคัญดังนี้

.

นอกจากนั้น ยังได้สร้างความร่วมมือทางวิชาการและการวิจัยกับ Nazarbayev University (NU: THE ranking by subject Education Studies = 176-200 world) เป็นมหาวิทยากลุ่มที่ตั้งใหม่แต่มีพัฒนาการอย่างรวดเร็ว (ประมาณ 10 ปี) ในการนี้คณะได้ประชุมแบบทวิภาคีกับผู้บริหารของ Graduate School of Education (GSE) ซึ่งมีพันธมิตรในการก่อตั้งคณะเป็นมหาวิทยาลัยชั้นของโลกในกลุ่มของ IVY League คือ University of Pennsylvania และมหาวิทยาลัยระดับ Top ของโลก คือ University of Cambridge ที่ GSE เปิดสอน Master Degree 2 หลักสูตร และ Ph.D. แบบเน้น Research หลักสูตรที่น่าสนใจคือด้าน Leardership และ Inclusive education และ Multilingual Education ผลการเจราจาความร่วมมือทาง NU มีแผนที่จะเปิดขยายหลักสูตรด้าน STEM Education ซึ่งสอดคล้องกับแผนยุทธของ ED ที่จะเปิดหลักสูตร Teacher for International School วิชาเอก STEM เรามีการวางแผนและแนวทางร่วมกันดังนี้

ผศ.สิริมนพร ทิพสิงห์ คณบดีวิทยาลัยนานาชาติ กล่าวว่า วิทยาลัยนานาชาติ มีเป้าหมายสำคัญในการแสวงหาตลาดและความร่วมมือใหม่ ๆ กับประเทศและสถาบันการศึกษาที่มีศักยภาพสูง เพื่อที่จะนำไปสู่การพัฒนาความร่วมมือและการตลาดเชิงรุกแก่ผู้สนใจที่จะเข้าศึกษาในหลักสูตรของวิทยาลัย ตลอดจนการร่วมมือด้านการวิจัยและการพัฒนานักศึกษา วิทยาลัยได้ร่วมกับทีมเข้าหารือความร่วมมือกับโรงเรียน NIS โดยมีความสนใจร่วมกันในการจัดกิจกรรม Immersive Program/Summer Program สำหรับนักเรียนจาก NIS ที่สนใจจะเข้าร่วมกิจกรรมที่ประเทศไทย นอกจากนั้นยังได้หารือความร่วมมือทางวิชาการและวิจัยกับ School of Social Sciences and Humanities, Nazarbayev University โดยทั้งสองหน่วยงานได้วางแผนที่จะขับเคลื่อนกิจกรรมทางวิชาการและการพัฒนานักศึกษาร่วมกันในอนาคตอีกด้วย

นอกจากนั้น ผศ.ดร.ศิริศักดิ์ เหล่าจันขาม คณบดีวิทยาลัยการปกครองท้องถิ่น ได้กล่าวถึงสาระสำคัญของการเยือนคาซัคสถานครั้งนี้ว่า ทีม COLA ได้ประชุมหารือความร่วมมือกับคณะผู้บริหารของ Graduate School of Public Policy (GSPP) แห่ง Nazarbayev University สถาบันชั้นนำด้าน Public Policy & Public Administration อันดับหนึ่งของคาซัคสถานและเอเชียกลาง ได้รับการรับรองมาตรฐานหลักสูตรระดับสากลจากสมาคม NASPAA และ EAPAA ด้วยอายุการก่อตั้งที่ไม่นานมากนัก (2010) แต่สามารถก้าวมาสู่ระดับสากลได้อย่างรวดเร็ว ด้วยยุทธศาสตร์ที่แหลมคม ทราบว่า Lee Kuan Yew School of Public Policy จาก NUS สิงคโปร์ เป็นพันธมิตรเชิงยุทธศาสตร์มาช่วยก่อตั้ง GSPP และวางรากฐาน จนได้รับการยอมรับ เกิดความร่วมมือกับสถาบันชั้นนำทั่วโลก จากการหารือ COLA และ GSPP ทั้งสองสถาบันได้มีแนวทางร่วมมือกันในอนาคตอันใกล้ดังนี้

ในโอกาสเดียวกันนี้ ทีม COLA, ED & IC KKU นำโดยท่านอุปนายกสภามหาวิทยาลัย ได้เข้าเยี่ยมคารวะท่านเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงอัสตานา สาธารณรัฐคาซัคสถาน พร้อมทีมประเทศไทย โดยไทยกับคาซัคสถาน ได้สถาปนาความร่วมมือทางการทูตมาได้ 33 ปี คณะได้หารือความร่วมมือและโอกาสในการสนับสนุนภารกิจสร้างความสัมพันธ์และส่งเสริมนโยบายความร่วมมือด้านการศึกษา (Education Diplomacy) ด้วยศักยภาพของการเป็นประเทศชั้นนำทางเศรษฐกิจและสังคมอันหนึ่งของภูมิภาคเอเชียกลาง มีนโยบายยกเว้นวีซ่าระหว่างกันกับประเทศไทย และประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทางอันดับหนึ่งของชาวคาซัคสถานในแถบอาเซียน โดยเฉพาะด้านการท่องเที่ยว จากโอกาสดังกล่าวจึงเห็นว่าเป็นจังหวะเหมาะที่จะเข้ามาเปิดพื้นที่สร้างความร่วมมือใหม่ ๆ ทั้งกับทางสถานทูตและสถาบันการศึกษาชั้นนำในประเทศนี้

.

ในระยะแรกจะริเริ่มด้วยการส่งนักศึกษาที่สนใจจะฝึกสหกิจศึกษานานาชาติที่นี่ การจัด Immersive Program สำหรับนักศึกษาหรือบุคลากรภาครัฐของคาซัคสถาน ที่จะไปแลกเปลี่ยนแบบโอนย้ายหน่วยกิตได้กับ มข. การจัด webinar series การสร้างเครือข่ายการวิจัยร่วมกันเพื่อยกระดับความเป็นนานาชาติ การสร้างความร่วมมือกับโรงเรียนชั้นแนวหน้า และอื่น ๆ ตามความสนใจร่วมกัน

.

ในห้วงเดือนมิถุนายน 2568 นี้ ทางสถานทูตไทย ณ อัสตานา จะร่วมกับ มข.ในการนำบุคลากรทางการแพทย์จากประเทศในเขตอาณาของประเทศเอเชียกลางไปเยือนประเทศไทยและมีแผนจะนำคณะเยือนและเรียนรู้ที่ มข. ด้วย ถึงแม้คาซัคสถานจะดูใหม่สำหรับคนไทย แต่เป็นประเทศที่มีศักยภาพและกำลังเติบโตสูงมาก เป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจของเอเชียกลาง และมีโอกาสหลายประการที่จะร่วมมือทางวิชาการเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะ มข. ที่เป็นประตูสู่อนุภาคลุ่มแม่น้ำโขงและอยู่บนแนวเส้นทางโครงข่ายยุทธศาสตร์หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง