สำนักข่าว : innNEWS
URL : https://www.innnews.co.th/news/news_68704/
วันที่เผยแพร่ : 24 มีนาคม 2564
ปธ.กมธ.วิทย์ สภาฯ ตรวจSmart Learning ที่ขอนแก่น ยอมรับมหาวิทยาลัยขอนแก่น ทำได้จริงทั่วอีสาน เล็งต่อยอดครอบคลุมทั่วไทย
ที่โรงเรียนอุบลรัตน์พิทยาคม อ.อุบลรัตน์ จ.ขอนแก่น นายอัครวัฒน์ อัศวเหม ประธานคณะกรรมาธิการวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี วิจัยและนวัตรกรรม สภาผู้แทนราษฎร นำคณะกรรมาธิการฯ ลงพื้นที่ตรวจติดตามผลการดำเนินงาน ตามโครงการพัฒนาสมรรถนะนักเรียนระดับมัธยมศึกษาด้วยนวัตกรรม หรือ KKU Smart Learning ซึ่งโรงเรียนอุบลรัตน์พิทยาคม จ.ขอนแก่น เป็นโรงเรียนต้นแบบของการดำเนินงานดังกล่าวในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยมี ศ.ดร.กุลธิดา ท้วมสุข ประธานโครงการฯ, ดร.อาทิตย์ ธำรงชัยชนะ รอง ผอ.สพม.25 (ขอนแก่น) และ นางเพ็ญประภา ซุยกระเดื่อง รอง ผอ.รร.อุบลรัตน์พิทยาคม ร่วมให้การต้อนรับ
โดยคณะกรรมาธิการฯได้ตรวจเยี่ยมผลการดำเนินงาน ผ่านนิทรรศการที่โรงเรียนได้จัดทำขึ้น รวมทั้งการให้คณะทำงานของมหาวิทยาลัยขอนแก่น และ คณาจารย์ ได้นำเสนอผลการดำเนินงานตลอดระยะเวลาดำเนินงาน 3 ปีที่ผ่านมา และการชมห้องเรียนรายวิชาคณิตศาสตร์, วิชาภาษาอังกฤษ และวิชาวิทยาศาสตร์ ในระดับชั้น ม.1-ม.3 ตามแนวทางการจัดการเรียนการสอนในขั้นตอนของการดำเนินงานตามโครงการดังกล่าวทั้งหมด
นายอัครวัฒน์ กล่าวว่า โครงการพัฒนาสมรรถนะนักเรียนระดับมัธยมศึกษาด้วยนวัตกรรม “KKU Smart Learning” เป็นโครงการที่มหาวิทยาลัยขอนแก่น หรือ มข. ดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2560 เพื่อพัฒนาความรู้ความเข้าใจของนักเรียนในสาระวิชาพื้นฐาน ประกอด้วย วิชาวิทยาศาสตร์, วิชาคณิตศาสตร์ และวิชาภาษาอังกฤษ ควบคู่กับการส่งเสริมทักษะนวัตกรรมพัฒนาการเรียนรู้ ทักษะด้านสื่อ สารสนเทศและเทคโนโลยี และทักษะด้านชีวิตและอาชีพ โดยมีเป้าหมายสำคัญคือ พัฒนาการสอบของเด็กนักเรียนในการวัด PISA ครั้งต่อไปต้องดีขึ้น, ผลสอบคะแนน O-Net ของนักเรียนต้องดีขึ้น และสมรรถนะการเรียนรู้ของนักเรียนต้องดีขึ้น
ซึ่งโรงเรียนแห่งนี้เป็นโรงเรียนที่เข้าร่วมดำเนินการในโครงการดังกล่าว โดยที่คณาจารย์ของมหาวิทยาลัยขอนแก่น ได้เข้ามาร่วมลงมือเพื่อช่วยกันพัฒนาเพิ่มศักยภาพการจัดการเรียนการสอนของครู ด้วยการส่งเสริมความรู้ความสามารถด้านการออกแบบกิจกรรมการเรียนรู้ พัฒนาความรู้ความเข้าใจในเนื้อหารายวิชาที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา และความสามารถในการใช้เทคโนโลยี
“ปัจจุบันการดำเนินงานดังกล่าว แบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม คือกลุ่ม โรงเรียนสังกัด สพฐ. ครอบคลุม 20 จังหวัดภาคอีสาน จำนวน 204 โรงเรียน และโรงเรียนสังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดขอนแก่น จำนวน 16 โรงเรียน และที่สำคัญจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่เกิดขึ้น การเรียนการสอนในยุคดิจิทัลที่มีเครื่องมือเทคโนโลยีจึงเข้ามามีบทบาท ดังนั้นในนวัตกรรมของโครงการนี้จึงเป็นเครื่องการันตีและแสดงให้เห็นว่าการจัดการเรียนการสอนในระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1-3 จึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง ในการจัดการเรียนการสอนแบบออนไลน์ จึงขอชื่นชมการทำงานของ มข.ที่มาถูกทาง ทำได้ดีและทำได้จริง”