สำนักข่าว: กรุงเทพธุรกิจ
URL:https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/896119
วันที่เผยแพร่: 1 ก.ย. 2563
มหาวิทยาลัยขอนแก่นแถลงความสำเร็จพัฒนาเสื้อเกราะกันกระสุนปืนเอ็ม 16 ต่อยอดจากเกราะกันกระสุนปืนสั้น ผลิตจากแผ่นรังไหม พร้อมทั้งได้จดสิทธิบัตรเป็นทรัพย์สินทางปัญญาเรียบร้อยแล้ว
มหาวิทยาลัยขอนแก่น จัดงานแถลงข่าว มข.พบสื่อมวลชน เรื่อง “งานวิจัยแผ่นรังไหมรับแรงกระสุนปืนเอ็ม 16” ซึ่งเป็นการวิจัยแผ่นรังไหมรับแรงกระสุนปืน จากเดิมที่สามารถป้องกันกระสุนปืนสั้นได้ พัฒนาต่อยอดสู่แผ่นรังไหมรับแรงกระสุนปืนขนาด 5.56 มม. กระสุนปืน M16 อาวุธที่ใช้ทางทหารได้สำเร็จ โดยมี รศ.นพ.ชาญชัย พานทองวิริยะกุล อธิการบดีมหาวิทยาลัยขอนแก่น เป็นประธานกล่าวเปิดการแถลงข่าว ร่วมกับ ผศ.พนมกร ขวาของ ภาควิชาวิศวกรรมเคมี คณะวิศวกรรมศาสตร์ และ อาจารย์สุธา ลอยเดือนฉาย นักวิจัย ที่ได้ทำการพัฒนาต่อยอดงานวิจัยจากเดิมที่วิจัยเรื่องแผ่นรังไหมรับแรงกระสุนปืนสั้น อาทิ กระสุนขนาด 9 มิลลิเมตร 11 มิลลิเมตร ที่ประสบความสําเร็จไปแล้ว ขณะนี้ได้ก้าวไปอีกขั้น โดยสามารถผลิตแผ่นรังไหมให้สามารถรับกระสุนปืนที่แรงและมีขนาดใหญ่ขึ้นได้สําเร็จ พร้อมทั้งได้จดสิทธิบัตรเป็นทรัพย์สินทางปัญญาเรียบร้อยแล้ว
จุดเด่นของงานวิจัยนี้ เมื่อเปรียบเทียบกับแผ่นเหล็กหนาขนาด 9 มิลลิเมตร ที่ใช้ในเสื้อเกราะกันกระสุนทั่วไป พบว่ามีน้ำหนักเบากว่า 2-3 เท่า และอีกคุณสมบัติเด่น คือ การหยุดจับกระสุนไม่ให้เกิดการแฉลบ เนื่องจากแผ่นโลหะทําให้กระสุนเกิดการแฉลบซึ่งอาจไปโดนอวัยวะอื่น หรือผู้ที่อยู่ข้างเคียงเป็นอันตรายได้ นอกจากนี้ คณะนักวิจัย ยังได้พัฒนาแผ่นรังไหมรับแรงออกมาหลายรุ่นที่รับแรงกระสุนปืนขนาดต่าง ๆ และน้ำหนักเบาขึ้นในแต่ละรุ่น เพื่อให้สามารถเลือกใช้ได้ตามความเหมาะสมกับการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ ทั้งนี้ ผู้สนใจสามารถเข้ารับการปรึกษากับนักวิจัยได้
ผศ.พนมกร ขวาของ ภาควิชาวิศวกรรมเคมี กล่าวว่า ผลงานวิจัยแผ่นรังไหมรับแรงกระสุนปืน จากเดิมที่สามารถป้องกันกระสุนปืนสั้นได้ทุกชนิด ขณะนี้ได้ทำการพัฒนาต่อยอดสู่แผ่นรังไหมรับแรงกระสุนปืนขนาด 5.56 มิลลิเมตร กระสุนปืน M16 อาวุธที่ใช้ทางทหารได้สำเร็จ เพื่อรองรับการปฏิบัติงานขั้นกว่าสำหรับกลุ่มอาวุธสงคราม โดยมี 2 รุ่น ได้แก่ รุ่นน้ำหนักประมาณ 2 กิโลกรัม และรุ่นน้ำหนักประมาณ 1.6 กิโลกรัม ซึ่งเบากว่าแผ่นเหล็กหนาขนาด 9 มิลลิเมตร ที่ใช้ในเสื้อเกราะกันกระสุนทั่วไปในปัจจุบัน 2-3 เท่า
สำหรับกระบวนการผลิตแผ่นรังไหมรับแรงกระสุนปืนขนาด 5.56 มม. แตกต่างจากแผ่นรังไหมรับแรงกระสุนปืนสั้น โดยยังใช้รังไหมที่มีความยืดหยุ่น น้ำหนักเบา ต้านทานแรงกระแทกได้ดี แต่เพิ่มวัสดุที่สามารถรับและกระจายแรงเข้าไป พร้อมทั้งพัฒนาปรับปรุงน้ำยาชนิดพิเศษเพื่อให้วัสดุต่างๆ ยึดเกาะกันมีประสิทธิภาพมากขึ้น ทำให้ได้แผ่นรังไหมที่สามารถรับแรงกระสุนปืนขนาด 5.56 มม. หรือกระสุนปืน M16 ได้ ซึ่งแตกต่างจากแผ่นรังไหมเดิมที่รับได้เฉพาะแรงกระสุนปืนสั้นเท่านั้น แม้ว่าจะนำมาซ้อนกันถึง 4 แผ่น แต่กระสุนปืนขนาด 5.56 มม. ก็สามารถทะลุได้ ต่างจากแผ่นรังไหมรับแรงงานวิจัยล่าสุดที่เพิ่งคิดค้นสำเร็จนี้ โดยได้จดสิทธิบัตรเป็นทรัพย์สินทางปัญญาแล้ว