กัญชง’ ลงแปลงที่ ‘ม.ขอนแก่น’ วิจัยต่อยอด ‘การแพทย์-อุตสาหกรรม’

สำนักข่าว: SootinClaimon.Com

URL: link

วันที่เผยแพร่: 20 ม.ค. 2564

วันพุธ ที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2564, 16.09 น.

เป็นสิ่งใหม่สำหรับสังคมไทยกับกัญชาและกัญชงทางการแพทย์ เพราะแม้จะเคยมีการกล่าวถึงในตำราแพทย์แผนโบราณ แต่การค้นคว้าพัฒนาต่อยอดได้หยุดชะงักไปหลายสิบปีในช่วงที่พืชทั้ง 2 ชนิดถูกกำหนดให้เป็นยาเสพติดให้โทษ ซึ่งผู้ผลิต ค้า ครอบครองและเสพจะมีความผิดตามกฎหมาย กระทั่งเมื่อวันที่ 15 ธ.ค. 2563 มีการเผยแพร่ ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง ระบุชื่อยาเสพติดให้โทษในประเภท 5 พ.ศ.2563 ในราชกิจจานุเบกษา “คลายล็อก” เปิดช่องให้นำกัญชาและกัญชงมาใช้ประโยชน์ทางการแพทย์โดย
ไม่จัดเป็นยาเสพติด

ไม่ว่าจะเป็นใบที่ไม่ติด กับช่อดอก เปลือก ลำต้น เส้นใย กิ่ง ก้าน ราก เมล็ดกัญชง น้ำมัน สารสกัดเมล็ดกัญชง สารสกัด CBD และในส่วน สาร THC ต้องไม่เกินร้อยละ 2 ไม่ถือว่าเป็นยาเสพติด ยกเว้นช่อดอกและเมล็ดกัญชา ซึ่ง “กัญชง (เฮมพ์-Hemp)” ในประเทศไทยถูกจำแนกเป็นยาเสพติดประเภท 5 เช่นเดียวกับกัญชา ตาม พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 เพราะพืชกลุ่มนี้มี
สาร Tetrahydrocannabinol (THC) สารเสพติดที่ออกฤทธิ์
กระตุ้นประสาท Cannabinol (CBN) และ Cannabidiol
(CBD) สารต้านการออกฤทธิ์ของสาร THC

อย่างไรก็ตาม กัญชา มีปริมาณของสาร THC ต่ำกว่า
กัญชามาก และมีสาร CBD ในเมล็ด ซึ่งปัจจุบัน งานวิจัย
ทางวิทยาศาสตร์ได้เปลี่ยนแนวคิดเกี่ยวกับกัญชงจากทางลบกลายเป็นบวก นอกจากนี้ กัญชงยังเป็นพืชเศรษฐกิจชนิดหนึ่งที่โดดเด่นเรื่องของเส้นใย ให้ผลผลิตมากกว่าฝ้าย ให้คุณภาพสูงกว่า ใช้แรงงานในการปลูกน้อยกว่า ไม่ต้องใช้สารป้องกันกำจัดศัตรูพืชปริมาณมาก
เจริญเติบโตได้ง่าย ได้รับความสนใจในการนำเส้นใยกัญชง
เข้ามาทดแทนเส้นใยสังเคราะห์ทั้งหมดในอนาคต สาเหตุมาจากปัญหาด้านสิ่งแวดล้อม ตลอดจนปัญหาสุขภาพ

กัญชงอาจสร้างมูลค่านับแสนล้านบาทจากการนำ
ทุกส่วนไปแปรรูปออกมาเป็นผลิตภัณฑ์หลากหลายประเภท
ในระดับอุตสาหกรรม เช่น สิ่งทอเครื่องนุ่มห่ม อาหารมนุษย์ อาหารสัตว์ เครื่องสำอาง ผลิตกระดาษ ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ สิ่งก่อสร้างอาคารบ้านเรือน และผลิตพลังงานชีวมวลในรูปแบบต่างๆ เป็นต้น ทำให้ต้องมีการส่งเสริมการปลูก ผลิต และจำหน่ายมากขึ้น แต่เนื่องจากพื้นที่ปลูกในประเทศไทยมีสภาพแวดล้อม สภาพภูมิอากาศค่อนข้างร้อน ส่งผลต่อปริมาณของสาร THC โดยตรง อาจทำให้ปริมาณของสาร THC ในกัญชงที่ปลูกนั้นมีปริมาณค่อนข้างสูง

ปัจจุบันปลูกได้ใน 6 จังหวัด 15 อำเภอของภาคเหนือ
ของประเทศไทย การจะเริ่มต้นปลูกกัญชงแบบอุตสาหกรรม
เส้นใยได้นั้น ต้องเป็นไปตามที่กฎกระทรวงระบุไว้ซึ่งต้องมีปริมาณ Tetrahydrocannabinol (THC) ไม่เกิน
ร้อยละ 1.0 ต่อน้ำหนักแห้ง การปลูกจึงเน้นระยะห่างระหว่างต้นให้ใกล้กันที่สุดซึ่งจะไปกระตุ้นให้มีลำต้นยาวตรงสูงมากกว่า 2 เมตร ปล้อง หรือข้อยาว เพื่อนำเส้นใย แกนลำต้น เมล็ดและใบ มาใช้ประโยชน์

เมื่อเร็วๆ นี้ มหาวิทยาลัยขอนแก่น จัดพิธีปลูกกัญชงเพื่อการวิจัยและพัฒนาสายพันธุ์แปลงปฐมฤกษ์ สถาบันวิจัยแคนนาบิสครบศาสตร์ ณ หมวดพืชผัก สาขาพืชสวน คณะเกษตรศาสตร์ โดยมี รศ.นพ.ชาญชัย พานทองวิริยะกุล อธิการบดีมหาวิทยาลัยขอนแก่น
ให้เกียรติเป็นประธานในพิธี โดย รศ.นพ.ชาญชัย กล่าวว่า สถาบันวิจัยแคนนาบิสครบศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น เป็นหน่วยงานที่ทำหน้าที่ในการวิจัย และพัฒนาพืชกัญชาและกัญชง เพื่อการนำไปใช้เป็นประโยชน์ทางการแพทย์ ในมนุษย์และสัตว์

รวมไปถึง การนำไปใช้ในอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องในด้านต่างๆ นอกจากนี้ปัจจุบัน สถาบันวิจัยแคนนาบิส
ครบศาสตร์ ได้ดำเนินโครงการวิจัย การประเมินและพัฒนาสายพันธุ์กัญชง เพื่อการแพทย์ และอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้อง เพื่อการวิจัยด้านการปรับปรุงพันธุ์ การวิเคราะห์สารสำคัญ ในรูปแบบยา และการวิจัยคลินิกทางการแพทย์ และสัตวแพทย์ ศึกษาวิจัยการประเมินสายพันธุ์กัญชง เพื่อการแพทย์และอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ถือเป็นที่แรก
ในจังหวัดขอนแก่น ที่มีการปลูกกัญชงเพื่อการประเมิน และพัฒนาสายพันธุ์กัญชงเพื่อการแพทย์

“การปลูกครั้งนี้ เป็นการปลูกรอบแรก ซึ่งจะนำไปใช้ในการวิจัย ประเมิน และพัฒนาสายพันธุ์กัญชง
เพื่อการแพทย์ และอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้อง เชื่อว่าการศึกษาวิจัยพืชกัญชงของมหาวิทยาลัยขอนแก่นนี้
จะเป็นประโยชน์ทางการแพทย์ รวมไปถึงการนำไปใช้ในอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องด้านต่างๆ มีการส่งเสริม
และถ่ายทอดองค์ความรู้เกี่ยวกับกัญชง ให้กับวิสาหกิจ
ชุมชน ชุมชน หน่วยงาน ภาครัฐบาล เอกชน และการต่อยอดสู่อุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้อง ตามกฎหมายที่บังคับใช้ ตลอดจนเป็นสถาบันวิจัยที่เป็นศูนย์กลางข้อมูล เพื่อเผยแพร่ความรู้ ข่าวสารต่างๆ ให้กับหน่วยงานภาครัฐ เอกชน และสาธารณชน ของจังหวัดขอนแก่นต่อไป” รศ.นพ.ชาญชัย กล่าว

ขณะที่ ศ.ดร.มนต์ชัย ดวงจินดา รองอธิการบดีฝ่ายวิจัยและบัณฑิตศึกษา มหาวิทยาลัยขอนแก่น กล่าวว่า ในการจัดพิธี “กัญชงลงแปลง” สถาบันวิจัยแคนนาบิสครบศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่นครั้งนี้
ดำเนินการโดยสถาบันวิจัยแคนนาบิสครบศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ฝ่ายวิจัยและบัณฑิตศึกษา และ
กองบริหารงานวิจัย โดยที่สถาบันวิจัยแคนนาบิสครบศาสตร์
มหาวิทยาลัยขอนแก่น มีภารกิจหลักในการดำเนินโครงการวิจัยกัญชงกัญชาเพื่อประโยชน์ทางการแพทย์และอุตสหกรรมที่เกี่ยวข้อง

และมีแผนที่จะดำเนินงานวิจัยพืชกัญชง และกัญชา
แบบบูรณาการครบศาสตร์ จากต้นน้ำ กลางน้ำ จนถึงปลายน้ำ เริ่มตั้งแต่ทีมคณะเกษตรศาสตร์ ทำการศึกษาวิจัยด้านการปลูก ปรับปรุงพันธุ์ และพัฒนาสายพันธุ์ ทีมคณะวิทยาศาสตร์ดำเนินการศึกษาวิจัยสกัดน้ำมันกัญชงและกัญชา วิเคราะห์สารองค์ประกอบสำคัญ ทีมจากคณะเภสัชศาสตร์ดำเนินการวิจัยและพัฒนาเพื่อเตรียมรูปแบบ ขนาด ผลิตภัณฑ์ยา เพื่อส่งต่อให้ทีมคณะแพทยศาสตร์ นำไปวิจัยด้านคลินิกในผู้ป่วยเฉพาะโรค

เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์ยาที่รักษาเฉพาะโรค หรือเฉพาะรายบุคคล หรือ Personalized Medicine และทีมคณะสัตวแพทย์ มีการศึกษาวิจัยด้านการนำวัสดุเศษเหลือจากการศึกษาวิจัยด้านต่างๆ ไปพัฒนาเป็นอาหารสัตว์ ซึ่งขณะนี้ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ได้รับหนังสือแสดงการอนุญาตผลิต (ปลูก) กัญชง (ตามหนังสือสำคัญที่ 19/2563 เมื่อเดือนต.ค. 2563) ในการปลูก เก็บเกี่ยวหรือแปรสภาพเฮมพ์

สำหรับการศึกษาวิจัย พื้นที่ จำนวน 1,664 ตารางเมตร โดยใช้เมล็ดพันธุ์จากสถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูง (องค์การมหาชน) จำนวน 3 สายพันธุ์ คืออาร์พีเอฟ 1 อาร์พีเอฟ 3 จำนวนสายพันธุ์ละ 2 กิโลกรัม และอาพีเอฟ 4 จำนวน 50 เมล็ด กัญชงที่นำมาปลูกเป็นส่วนหนึ่งของการศึกษาวิจัยการประเมิน พัฒนาสายพันธุ์กัญชงเพื่อการแพทย์ และอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้อง ซึ่งได้รับใบอนุญาตในผลิต (ปลูก) กัญชง

“มหาวิทยาลัยขอนแก่น ถือเป็นที่แรกในจังหวัดขอนแก่น ที่ได้รับอนุญาตให้ปลูกในการใช้ช่อดอกในการวิจัยประเมินสายพันธุ์ ซึ่งนักวิจัยได้ทำการเพาะต้นกล้าจากเมล็ดพันธุ์ ตั้งแต่ต้นเดือนธ.ค. 2563 จำนวนกว่า 700 ต้น ซึ่งจะครบกำหนดย้ายต้นกล้าลงแปลงในวันนี้ โดยจะใช้ระยะเวลาประมาณ 120-150 วัน ที่จะผลิตดอก และครบกำหนดเก็บเกี่ยวดอก เพื่อนำไปวิจัย ประเมิน และพัฒนาสายพันธุ์เพื่อการแพทย์ต่อไป” ศ.ดร.มนต์ชัย กล่าว

ทั้งนี้ มหาวิทยาลัยขอนแก่น เป็นมหาวิทยาลัยวิจัยที่มีการศึกษาค้นคว้างานวิจัยทั้งทางด้านวิทยาศาสตร์สุขภาพ วิทยาศาสตร์เทคโนโลยี และมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มีทั้งงานวิจัยพื้นฐาน และงานวิจัยประยุกต์และทางคลินิก ตลอดจนมีนักวิจัย และเครื่องมือการวิจัยที่มีศักยภาพที่จะดำเนินการวิจัยต่างๆ ทุกด้านและทุกสาขาวิชา จึงได้จัดตั้งสถาบันวิจัยแคนนาบิสครบศาสตร์เพื่อดำเนินการวิจัยเกี่ยวกับพืชกัญชง และกัญชา

และได้มีการศึกษาวิจัยกัญชง เพื่อปลูกประเมินลักษณะประจำพันธุ์ และปริมาณสาระสำคัญในกัญชง (THC) และ (CBD) ในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และพัฒนาระบบการผลิตกัญชงให้เหมาะสมกับพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ นอกจากจะเป็นประโยชน์ทางการแพทย์แล้วยังทำหน้าที่ในการส่งเสริมและถ่ายทอดองค์ความรู้เกี่ยวกับกัญชง เป็นศูนย์กลางข้อมูล เพื่อเผยแพร่ความรู้ ข่าวสารให้กับวิสาหกิจชุมชน ชุมชน หน่วยงาน ภาครัฐบาล เอกชน

ให้เกิดการต่อยอดสู่การอุตสาหกรรม!!!

 

Scroll to Top