พายุฤดูร้อนกระหน่ำไม่ทันตั้งตัวจนต้นไม้หักโค้นถูกพัดลอยไปติดกับสายไฟฟ้า กลายเป็นภาพไวรัลในสื่อสังคมออนไลน์ที่ใครหลายคนส่งต่อด้วยรอยยิ้มขบขัน แต่ภาพที่เห็นนี้กลับเป็นส่วนหนึ่งของปัญหาที่ทั่วโลกกำลังเผชิญ นั่นคือ สภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงอย่างรุนแรง โดยเกิดจากภาวะโลกร้อน

รศ.ดร.ชูพงษ์ ทองคำสมุทร รองอธิการบดีฝ่ายกายภาพและสิ่งแวดล้อม มหาวิทยาลัยขอนแก่น เปิดเผยว่า สภาพอากาศปัจจุบันไม่แน่นอน ฤดูร้อนและฤดูฝนทับซ้อนกัน อุณหภูมิสูงเกิน 50 องศาเซลเซียส ฝนตกหนัก ลมพัดแรง และฝุ่น PM 2.5 กลายเป็นปัญหาประจำปี ซึ่งการก่อสร้างอาคารและการใช้ชีวิตของมนุษย์เป็นปัจจัยอย่างหนึ่งที่ทำให้เกิดภาวะโลกร้อน ในอดีตเมืองมีต้นไม้ปกคลุม แต่ปัจจุบันอาคารแน่นหนา ใช้วัสดุสะสมความร้อน เช่น เหล็ก กระจก และคอนกรีต ส่งผลให้เกิดความร้อนสะสมสูงขึ้น เมื่ออุณหภูมิสูงขึ้นในเวลากลางวัน ยามเย็นฝนก็ตกหนัก ลมพัดแรง เพราะสภาพอากาศเปลี่ยนแปลงไปพร้อมกับวิถีชีวิตที่เปลี่ยนแปลง
รู้จัก ‘อาคารสีเขียว’ นวัตกรรมออกแบบแห่งอนาคต
มหาวิทยาลัยขอนแก่นตระหนักถึงปัญหาเหล่านี้ พร้อมเดินหน้าปรับภูมิทัศน์มหาวิทยาลัยด้วยแนวคิด “อาคารสีเขียว” โดยเน้นการออกแบบที่ส่งเสริมสิ่งแวดล้อมอย่างเป็นระบบ ตั้งแต่การจัดสรรพื้นที่โล่งเพื่อซับน้ำฝน ลดปัญหาน้ำท่วม ไปจนถึงการวางแผนให้แต่ละอาคารสามารถกักเก็บน้ำฝนและนำน้ำกลับมาใช้ใหม่ โดยปัจจุบัน มข. ได้ใช้ระบบรีไซเคิลน้ำไปแล้วถึง 30% อีกทั้งยังให้ความสำคัญกับการประหยัดพลังงาน โดยเฉพาะการลดการใช้เครื่องปรับอากาศซึ่งเป็นปัจจัยหลักในการใช้พลังงานของมหาวิทยาลัย ควบคู่ไปกับการเลือกใช้ระบบปรับอากาศที่มีประสิทธิภาพสูง
ขณะเดียวกัน การออกแบบอาคารต้องคำนึงถึงคุณภาพชีวิตของผู้ใช้งาน ทั้งแสงสว่างที่เพียงพอ ระบบระบายอากาศที่เหมาะสม การป้องกันเสียงรบกวน และการจัดการสิ่งแวดล้อมโดยรอบให้สอดคล้องกับสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลง พร้อมกันนี้ มหาวิทยาลัยขอนแก่นยังส่งเสริมแนวคิดการออกแบบอาคารให้เป็นนวัตกรรมที่สามารถตอบโจทย์ทั้งด้านสิ่งแวดล้อมและการใช้งานได้อย่างสมดุล
เตือนดูแลทรัพย์สินช่วงพายุฝน ป้องกันความเสียหาย
นอกจากการผลักดันด้านการออกแบบแล้ว มหาวิทยาลัยขอนแก่นซึ่งเป็นพื้นที่สีเขียวกลางเมือง มีต้นไม้ปกคลุมกว่า 5,500 ไร่ ทว่าเมื่อเกิดวาตภัย ต้นไม้เก่าอายุหลายสิบปีก็อาจล้มลงสร้างความเสียหายได้ จึงได้ประสานและประชาสัมพันธ์ไปยังคณะ หน่วยงานต่าง ๆ ให้ดำเนินมาตรการป้องกันอย่างต่อเนื่อง ทั้งการตัดแต่งต้นไม้ในจุดเสี่ยง การติดป้ายเตือนภัย และการจัดสรรพื้นที่จอดรถที่ปลอดภัย ส่วนผู้ใช้รถใช้ถนนที่ไม่ได้จอดรถในจุดจอดรถหรือลานจอดรถที่ทางมหาวิทยาลัยขอนแก่นจัดเตรียมให้ก็ขอให้ดูแลทรัพย์สินของตนเอง เนื่องจากเป็นกรณีที่ไม่สามารถเรียกค่าเสียหายจากมหาวิทยาลัยได้ ดังนั้น ขอให้ตรวจสอบพยากรณ์อากาศก่อนเดินทาง และทำประกันรถยนต์เพื่อป้องกันเหตุสุดวิสัยที่อาจจะเกิดขึ้นจากภัยธรรมชาติต่อไปในอนาคต
“ภายในมหาวิทยาลัยขอนแก่น มี 3 หน่วยงานหลักที่ทำหน้าที่ดูแลความปลอดภัยและโครงสร้างพื้นฐาน ได้แก่ กองอาคารและสถานที่ ที่รับผิดชอบด้านอาคารและสิ่งปลูกสร้าง กองสาธารณูปโภคและสิ่งแวดล้อม ที่ดูแลระบบน้ำ ไฟ และโครงสร้างพื้นฐานต่าง ๆ และกองป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ที่พร้อมเข้าช่วยเหลือทันทีเมื่อเกิดภัยพิบัติหรือเหตุฉุกเฉิน อย่างไรก็ตาม สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ ทุกคนต้องดูแลตัวเองและปฏิบัติตามมาตรการด้านความปลอดภัยอย่างเคร่งครัด”
สร้างลานจอดรถเพิ่ม-หนุนประชาคม มข.ใช้ขนส่งมวลชนสาธารณะ
อย่างไรก็ตาม ในอนาคตมหาวิทยาลัยขอนแก่นมีแผนรองรับระยะยาว คือ การสร้างลานจอดรถรวม ทั้งบริเวณศูนย์บริการการแพทย์ชั้นเลิศ, อาคาร 25 ปี มหาวิทยาลัยขอนแก่น และบริเวณบึงสีฐาน เพื่อลดปัญหาการจราจรและส่งเสริมให้บุคลากรและนักศึกษาใช้ระบบขนส่งมวลชน อย่างรถ KST หรือรถบัสไฟฟ้า ซึ่งนอกจากจะช่วยลดปัญหามลพิษทางอากาศ ยังช่วยลดอุบัติเหตุจากการใช้รถจักรยานยนต์ ซึ่งปัจจุบันเป็นสาเหตุหลักของอุบัติเหตุภายในมหาวิทยาลัยถึง 90%
เช็ก 4 เทคนิคออกแบบ-สร้างบ้านรับมืออากาศแปรปรวน
ทั้งนี้ รองอธิการบดีฝ่ายกายภาพและสิ่งแวดล้อม มหาวิทยาลัยขอนแก่น ยังได้แนะนำเทคนิคการออกแบบและสร้างบ้านเรือนสำหรับประชาชนเพื่อรับมือกับภาวะอากาศแปรปรวนว่า ควรออกแบบให้ลดผลกระทบจากความร้อน ลม ฝน และฝุ่น PM 2.5 โดยให้ความสำคัญกับวัสดุกันความร้อนที่สามารถช่วยลดอุณหภูมิภายในอาคารได้อย่างมีประสิทธิภาพ ลดการติดตั้งส่วนประกอบภายนอกที่อาจเป็นอันตรายจากลมแรง หลีกเลี่ยงการเลียนแบบสถาปัตยกรรมจากประเทศหนาวและออกแบบหลังคาให้เหมาะสมกับสภาพอากาศไทย รวมทั้งติดตั้งระบบกรองอากาศที่สามารถป้องกันฝุ่น PM 2.5 ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งไม่เพียงแต่บ้านเรือนประชาชนเท่านั้น แต่มหาวิทยาลัยขอนแก่นเองก็มีอาคารเก่าแก่ที่มีคุณค่าทางประวัติศาสตร์ และจำเป็นต้องบูรณะด้วยหลักการเดียวกันนี้เพื่อรับมือกับสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงไปเช่นกัน
“มหาวิทยาลัยขอนแก่นก้าวเข้าสู่ปีที่ 61 ภายใต้แนวคิด Best place to work and great place to live มุ่งเน้นการสร้างสภาพแวดล้อมที่ดีและส่งเสริมความร่วมมือจากทุกภาคส่วน เพื่อให้มหาวิทยาลัยเป็นสถานที่ที่น่าอยู่ น่าเรียน และปลอดภัยสำหรับทุกคน”