วันที่ 30 มีนาคม 2564 เวลา 09.00 น. ที่ห้องประชุมเฟื่องฟ้า คณะเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยขอนแก่น รศ.นพ.ชาญชัย พานทองวิริยะกุล อธิการบดีมหาวิทยาลัยขอนแก่น ได้นำคณะผู้บริหารและคณะกำกับติดตามการดำเนินงาน ประกอบด้วย รศ.ดร.เกรียงไกร กิจเจริญ รองอธิการบดีฝ่ายทรัพยากรบุคคล ศ.พญ.ผิวพรรณ มาลีวงษ์ ผู้ช่วยอธิการบดีฝ่ายวิจัยและบัณฑิตศึกษา รศ.ดร.เกียรติไชย ฟักศรี คณะกำกับติดตามการดำเนินงานจากคณะแพทยศาสตร์ รศ.ดร.สิรภัทร เชี่ยวชาญวัฒนา คณะกำกับติดตามการดำเนินงานจากคณะวิทยาศาสตร์ คุณ สุนิภา ไสวเงิน ผู้อำนวยการสำนักงานอธิการบดี พร้อมด้วยคณะทำงานจากกองยุทธศาสตร์ และ กองสื่อสารองค์กร เข้าเยี่ยมพบปะบุคลากรคณะเทคโนโลยี และการรับฟังการรายงานผลสรุปการดำเนินงานและรับฟังข้อปัญหาต่างๆ ซึ่งมีคณะผู้บริหาร บุคลากรคณะเทคโนโลยีให้ความสนใจเข้าร่วมกิจกรรมเป็นจำนวนมาก
กิจกรรมเริ่มขึ้นในเวลา 09.00 น.เมื่อคณะเดินทางมาถึง รศ.ดร. พรเทพ ถนนแก้ว คณบดีคณะเทคโนโลยีมหาวิทยาลัยขอนแก่น ได้บรรยายผลการดำเนินงานของคณะเทคโนโลยีในด้านต่างๆ จัดแบ่งผลการดำเนินงานออกเป็นตามประเด็นยุทธศาสตร์ 11 ด้านของมหาวิทยาลัยขอนแก่นคือ การปรับเปลี่ยนการจัดการศึกษา การปรับเปลี่ยนการทำงานวิจัย การปรับเปลี่ยนการบริหารจัดการทรัพยากรบุคคล การปรับเปลี่ยนการบริการวิชาการ การปรับเปลี่ยนการบริหารจัดการองค์กร การสร้างมหาวิทยาลัยขอนแก่นให้เป็นที่น่าทำงาน การสร้างมหาวิทยาลัยให้เป็นที่น่าอยู่ การปรับเปลี่ยนองค์กรให้ก้าวเข้าสู่ยุคดิจิทัล การนำมหาวิทยาลัยสู่ความเป็นนานาชาติ การบริหารโดยใช้หลักธรรมาภิบาล และเสริมสร้างความร่วมมือเพื่อการพัฒนา โดยได้นำเสนอผลความสำเร็จผ่านข้อมูลสถิติตามตัวชี้วัดและภาพกิจกรรมการดำเนินงาน
หลังจากคณบดีคณะเทคโนโลยีมหาวิทยาลัยขอนแก่น ได้บรรยายผลการดำเนินงานของคณะเทคโนโลยี รศ.นพ.ชาญชัย พานทองวิริยะกุล อธิการบดีมหาวิทยาลัยขอนแก่นได้ขึ้นบรรยายให้ข้อเสนอแนะและรับฟังความคิดเห็น โดยได้กล่าวตอนหนึ่งว่า “ ต้องขอบคุณบุคลากรคณะเทคโนโลยีทุกท่าน การมาเยี่ยมครั้งที่ 2 เพื่อรับทราบความก้าวหน้าปัญหาอุปสรรคที่หากมีสิ่งใดให้มหาวิทยาลัยสนับสนุนก็จะได้นำดำเนินการต่อไป ซึ่งบทบาทของผู้บริหารคือการสนับสนุนช่วยเหลือให้คณะสามารถดำเนินการตามภารกิจต่อไปได้ มาถึงวันนี้ก้าวสู่ปีที่37ของคณะเทคโนโลยีได้มีผลงานความสำเร็จที่ถือว่าทำได้ดีมากอันมาจากการทำงานของบุคลากรทุกคน ผลงานคณะเทคโนโลยีช่วยสร้างความเข้มแข็งให้กับมหาวิทยาลัย ซึ่งเป้าหมายคณะเทคโนโลยีในการก้าวจาก Regionalไปสู่ Nationalและ Southeast Asia จนไปถึงระดับ Asia เป็นสิ่งที่ผมเชื่อว่าต้องทำได้เพราะมีนักวิจัยที่ทำผลงานมีชื่อเสียงไว้แล้ว
“ผมเคยให้ความเห็นชื่นชมการดำเนินงานเมื่อคราวมาเปิด TE Outlet เพราะได้เห็นผลิตภัณฑ์ดีๆหลายส่วนที่น่าจะไปสู่การทำงานเชิงพาณิชย์ได้ ผมมีความตั้งใจว่าหากมีการประสานงานจากผู้พัฒนาผลิตภัณฑ์หรือนักการตลาดซึ่งเป็นภาคธุรกิจภายนอกจะแนะนำให้มาดูผลงานและหารือกับคณะเทคโนโลยีเพื่อเอาผลผลิตที่มีคุณภาพของเราไปสู่การพัฒนาต่อยอดให้ได้ อีกด้านหนึ่งที่ตั้งใจไว้คือการคิดเชิงระบบให้กับการพัฒนาผลิตภัณฑ์เชิงพาณิชย์ของเราว่าจะทำอย่างไรที่ให้มีคนมาช่วยนักวิจัยของเราในเรื่องการตลาด ซึ่งตอนนี้มหาวิทยาลัยกำลังออกข้อบังคับว่าด้วยการร่วมทุนเพื่อให้นักวิจัยได้รับผลประโยชน์ที่เหมาะสมในแบบการถือหุ้นแต่การบริหารจัดการการตลาดให้เป็นของมืออาชีพ” อธิการบดีกล่าว
อธิการบดียังให้ข้อคิดในเรื่อง ในเรื่องการปรับเปลี่ยนการจัดการศึกษา Education Transformation ผ่าน กระบวนทัศน์ใหม่ทางการศึกษา หรือ Learning Paradigm ว่าเป้าหมายของการผลิตบัณฑิตในปัจจุบันได้เปลี่ยนไปเช่น จากการผลิตผู้ที่มีความเชี่ยวชาญในการใช้เทคโนโลยี เปลี่ยนไปสู่ผู้ที่มีความสามารถในการสร้างเทคโนโลยี เพื่อให้หลุดพ้นการเป็น”ประเทศกับดักรายได้ปานกลาง”ที่ไม่สามารถพัฒนายกระดับตัวเองได้ทันกับหลายประเทศ สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นได้ต้องมาจากการปรับกระบวนทัศน์ทางการศึกษาให้บัณฑิตของเรา คิดวิเคราะห์ สังเคราะห์ความรู้ได้ โดยอาจารย์ต้องเปลี่ยนบทบาทจากการเป็นผู้ถ่ายทอดความรู้ Transfer Knowledge ไปเป็นการให้นักศึกษาสร้างองค์ความรู้ขึ้นมาเอง
นอกจากนี้อธิการบดียังได้ตั้งข้อสังเกตถึงความสัมพันธ์อันดีทำให้เกิดความร่วมมือของศิษย์เก่าที่มีต่อคณะเทคโนโลยีซึ่งแสดงให้เห็นว่าอาจารย์ใส่ใจดูแลนักศึกษาปัจจุบันได้ดี ทำให้มีความรักคณะของตนเองเมื่อเขาจบไปเขาจะกลับมาช่วยคณะซึ่งถือว่าเป็นจุดเข้มแข็งหนึ่งของคณะเทคโนโลยี ในตอนท้ายอธิการบดีได้เปิดโอกาสให้บุคลากรได้ซักถามและเปิดรับคำแนะนำต่อสิ่งที่ต้องการให้มหาวิทยาลัยได้ดำเนินเพื่อการพัฒนาให้คณะเทคโนโลยีมีความเจริญก้าวหน้าต่อไป
ข่าว / อุดมชัย สุพรรณวงศ์
ภาพ / พรทิพย์ คำดี