สำนักข่าว: 77 ข่าวเด็ด
URL: https://www.77kaoded.com/news/aekkapongputta/2040918
วันที่เผยแพร่: 4 ธ.ค. 2563
4. Argostemma paksongense Lanors. & Chantar. ทุกส่วนของพืชมีขน ใบบางเป็นเยื่อ เรียงเป็นคู่ตรงข้าม 2 คู่ อยู่ใกล้กันคล้ายเป็นกระจุกที่ปลายยอด มีขนหนาแน่น ก้านดอกมีขนหนาแน่น ก้านชูเกสรเพศผู้อยู่เป็นอิสระ แต่ส่วนฐานแยกกัน อับเรณูอยู่อิสระ อับเรณูแตกตามยาว พบพืชชนิดนี้ตามหินปูนที่ชื้นในป่าดงดิบ ที่พื้นที่คุ้มครองของป่าสงวนแห่งชาติดงหัวสาว ปากซอง แขวงจำปาศักดิ์ ตั้งชื่อคำระบุชนิด ‘paksongense’ เพื่อแสดงถึงสถานที่พบตัวอย่างพืช ตัวอย่างต้นแบบที่อ้างอิง ได้แก่ Lanorsavanh & Lamxay SL1055
5.Argostemma svengsuksae Lanors., Chantar. & Souvann ใบบางเป็นเยื่อ เรียงเป็นคู่ตรงข้าม 2-3 คู่ อยู่ใกล้กันคล้ายเป็นกระจุกที่ปลายยอด ผิวใบเกลี้ยง ก้านดอกเกลี้ยง ก้านชูเกสรเพศผู้อยู่เป็นอิสระ อับเรณูอิสระโค้งมาจรดกัน อับเรณูแตกตามยาว พบพืชชนิดนี้ตามหินที่ชื้นตามลำธารในป่าเบญจพรรณ ที่ปากซัน แขวงบอลิคำไซ ตั้งชื่อคำระบุชนิด ‘svengsuksae’ เพื่อเป็นเกียรติแก่ รองศาสตราจารย์ ดร. Bouakhaykhone Svengsuksa อดีตอาจารย์ภาควิชาชีววิทยา และคณบดีคณะวิทยาศาสตร์ธรรมชาติ มหาวิทยาลัยแห่งชาติลาว ผู้แนะนำให้อาจารย์ Soulivanh สนใจศึกษาพืชดอกในพรรณพฤกษชาติของลาว ตัวอย่างต้นแบบที่อ้างอิง ได้แก่ Lanorsavanh et al. SL1733
6. Argostemma vientianense Lanors. & Chantar. ใบบางเป็นเยื่อ เรียงเป็นคู่ตรงข้าม 2-3 คู่ อยู่ใกล้กันคล้ายเป็นกระจุกที่ปลายยอด ผิวใบด้านบนมีขน แต่ผิวใบด้านล่างเกลี้ยง ก้านดอกมีขนหนาแน่น ก้านชูเกสรเพศผู้อยู่เป็นอิสระ อับเรณูอยู่อิสระและโค้งมาจรดกัน อับเรณูแตกตามยาว พบพืชชนิดนี้ตามหินปูนที่ชื้นในป่าเบญจพรรณ ที่ตาดช้าง เขตคุ้มครองของป่าสงวนแห่งชาติภูเขาควาย แขวงเวียงจันทน์ ตั้งชื่อคำระบุชนิด ‘vientianense’ เพื่อแสดงถึงสถานที่พบตัวอย่างพืช ตัวอย่างต้นแบบที่อ้างอิงได้แก่ Lanorsavanh & Lamxay SL1745
พืชที่พบใหม่ดังกล่าว เป็นพืชล้มลุกขนาดเล็ก สูง 2-20 เซนติเมตร อายุหลายปี ดอกมีสมมาตรแบบรัศมี กลีบดอกมี 5 กลีบ สีขาว เรียงตัวคล้ายรูปดาว ขึ้นอยู่ตามหินปูนหรือหิน ที่มีความชื้นสูงในป่าเบญจพรรณหรือป่าดิบชื้น สำหรับตัวอย่างต้นแบบแรก (holotype) นั้นเก็บรักษาไว้ที่พิพิธภัณฑ์พืชแห่งชาติลาว (HNL) ส่วนตัวอย่างคู่ตัวอย่างต้นแบบ (isotype) เก็บรักษาไว้ที่พิพิธภัณฑ์พืช คณะวิทยาศาสตร์ป่าไม้ (FOF) และพิพิธภัณฑ์พืช ภาควิชาชีววิทยา มหาวิทยาลัยแห่งชาติลาว และพิพิธภัณฑ์พืชมหาวิทยาลัยขอนแก่น (KKU)