
เมื่อโลกหมุนเร็วขึ้น ความรู้ในห้องเรียนอาจไม่เพียงพอสำหรับการใช้ชีวิตในโลกจริง “ทักษะเด็ก” ที่จำเป็นคือการคิดวิเคราะห์ การทำงานร่วมกับผู้อื่น การแก้ปัญหา และการปรับตัว นอกจากนี้การเรียนรู้นอกห้องเรียน เช่น กิจกรรมจิตอาสา กีฬา ทัศนศึกษา และการสำรวจธรรมชาติ การได้เรียนรู้จากประสบการณ์ตรง ชีวิตที่จำเป็นสำหรับศตวรรษที่ 21

มหาวิทยาลัยขอนแก่น โดยคณะเกษตรศาสตร์ และ โรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยขอนแก่นฝ่ายอนุบาลศึกษา จึงจัดกิจกรรม “ลงแขกเกี่ยวข้าว…เล่าตำนานวิถีไท” เนื่องในวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร (พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9) โดยมีนักเรียน อาจารย์ ผู้ปกครองร่วมงานกว่า 500 คน ณ อุทยานเกษตร มหาวิทยาลัยขอนแก่น เมื่อวันที่ 4 ธันวาคม 2568 ที่ผ่านมา

กิจกรรมเริ่มจาก ประธานในพิธี รองศาสตราจารย์ ดร.รุณี โชติษฐยางกูร คณบดีคณะเกษตรศาสตร์ กล่าวถวายราชสดุดีแด่พระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เนื่องในวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพ ของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร วันชาติ และวันพ่อแห่งชาติ เพื่อแสดงความจงรักภักดี และน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้
ต่อมานักเรียนชั้นอนุบาลร่วมกิจกรรมเกี่ยวข้าว นวดข้าว ทำขวัญข้าว เปิดประสบการณ์ตรงด้านอาชีพเกษตรกรรม วัฒนธรรม และภูมิปัญญาไทยอย่างลึกซึ้งและสนุกสนาน นอกจากนี้ยังส่งเสริม IQ, EQ และพัฒนาทักษะประสบการณ์นอกห้องเรียนให้แข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น

รองศาสตราจารย์ ดร.รุณี โชติษฐยางกูร คณบดีคณะเกษตรศาสตร์ เผยว่า โครงการเริ่มจากแปลงฝึกงานนักศึกษาเกษตรศาสตร์ที่ต้องฝึกปฏิบัติการผลิตพืชไร่ โดยเฉพาะข้าว ต่อมาพัฒนาเป็นกิจกรรมร่วมกับโรงเรียนสาธิตฯ เพื่อให้เด็กรุ่นใหม่ที่ไม่ได้มาจากครอบครัวเกษตรกรได้เรียนรู้วิถีชีวิตการทำนา ตั้งแต่ดำนาในวันแม่เดือนสิงหาคมจนเกี่ยวข้าวในวันพ่อเดือนธันวาคม ทำให้นักศึกษาได้ฝึกทั้งการผลิตและการจัดการ ส่วนเด็กอนุบาลได้เข้าใจว่าข้าวคือชีวิต พร้อมสร้างความร่วมมือระหว่างคณะเกษตรศาสตร์ คณะศึกษาศาสตร์ และโรงเรียนสาธิตฯ ต่อไป

ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ศราวุธ จักรเป็ง ผู้อำนวยการโรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยขอนแก่น (ฝ่ายอนุบาลศึกษา) กล่าวว่า โรงเรียนมุ่งเน้นพัฒนาการด้านร่างกาย อารมณ์ และสติปัญญาของนักเรียน โดยใช้ประโยชน์จากแหล่งเรียนรู้ในมหาวิทยาลัย โครงการนี้ช่วยให้เด็กตระหนักถึงคุณค่าของข้าวผ่านการเรียนรู้จากประสบการณ์จริง ตั้งแต่การปลูก ดำนา การเกี่ยวข้าว การนวดข้าว การทำขวัญข้าว เห็นการเจริญเติบโตของต้นข้าว และเข้าใจว่าอาหารที่กินทุกวันมาจากไหน ถือเป็นการส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์และพัฒนาการรอบด้านจากพื้นที่จริง

นางสาวรุ่งฤดี ทัพธานี นักศึกษาชั้นปีที่ 2 สาขาเกษตรนวัตกรรม กล่าวว่า ดีใจที่ได้ถ่ายทอดความรู้ให้น้องๆ ได้ลงมือปฏิบัติจริง ตนเองเติบโตมาจากครอบครัวเกษตรกรจังหวัดหนองบัวลำภู จึงเข้าใจดีว่าข้าวคือชีวิต เป็นอาหารหลักและแหล่งคาร์โบไฮเดรตสำคัญ รวมทั้งเป็นสินค้าส่งออกที่สำคัญของไทย กิจกรรมนี้มีการลงแขกเกี่ยวข้าว นวดข้าว รำบวงสรวง และสู่ขวัญข้าว เพื่อให้เกียรติและเห็นคุณค่าของข้าว โดยมีนักศึกษากว่า 80 คน ให้ความรู้แก่น้องๆ

อาจารย์อังคณาวรรณ ธรรมา ผู้ช่วยผู้อำนวยการฯ ฝ่ายบริหารและพัฒนาบุคลากร กล่าวว่า โรงเรียนวางแผนกิจกรรมตลอดทั้งปีการศึกษาภายใต้หน่วยการเรียนรู้ “ข้าวและชาวนา” โดยครูจัดการเรียนรู้ให้เด็กศึกษาเรื่องข้าว ฤดูกาล และขั้นตอนการทำนาก่อนลงพื้นที่จริง เมื่อมาถึงสถานที่จริงมีนักศึกษาคณะเกษตรศาสตร์ช่วยดูแล ส่วนครูดูแลด้านความปลอดภัยเป็นสำคัญ บุคลากรโรงเรียนทั้ง 72 คนมีความสมานสามัคคี ร่วมมือกันจัดกิจกรรมอย่างเต็มที่ทุกครั้ง ทั้งครูผู้สอนและสายสนับสนุนต่างช่วยเหลือกันจัดเตรียมวัสดุอุปกรณ์และตกแต่งสถานที่เพื่อให้กิจกรรมนี้ออกมาดีที่สุด

นางสาวจุฑามาศ พิลาไชย ผู้ปกครองนักเรียนโรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยขอนแก่น ฝ่ายอนุบาลศึกษา เผยว่า กิจกรรมเกี่ยวข้าว นวดข้าว ทำขวัญข้าว ทำให้เด็กได้เรียนรู้วัฒนธรรม ประเพณี จากสถานที่ประสบการณ์จริง ทั้งยังปลูกฝังให้รู้คุณค่าของข้าว นอกจากนี้ยังเพิ่มประสบการณ์นอกห้องเรียน และพัฒนา EQ ของเด็กมากขึ้น พร้อมสานสัมพันธ์ในครอบครัวอีกด้วย


กิจกรรม “ลงแขกเกี่ยวข้าว…เล่าตำนานวิถีไท” จึงไม่เพียงการเรียนรู้วิชาการนอกห้องเรียนเท่านั้น แต่ยังเป็นการจัดการเรียนรู้แบบบูรณาการ รวมทฤษฎี วิชาการ ฝึกทักษะชีวิต ให้เด็กอนุบาลได้ รู้คุณค่า สำนึกคุณข้าว ตลอดปลุกฝังค่านิยม ประเพณีไทย ที่ล้วนเป็นรากฐานสำคัญที่ช่วยให้เด็กเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่มั่นคงทั้งด้านความคิดและจิตใจ อุทยานเกษตร มหาวิทยาลัยขอนแก่นแห่งนี้จึงเหมือนพื้นที่ฝึก “ทักษะชีวิต” ให้เหล่าหนูน้อยฟันน้ำนมอย่างแท้จริง





