มข.ทุ่ม4,000ล้านสร้างศูนย์การแพทย์ชั้นเลิศ

สำนักข่าว: INN
URL:  https://www.innnews.co.th/regional-news/news_772670/
วันที่เผยแพร่: 15 ก.ย. 2563

ที่สำนักงานอธิการบดีมหาวิทยาลัยขอนแก่น ดร.ณรงค์ชัย อัครเสรณี นายกสภามหาวิทยาลัยขอนแก่น หรือ มข. เป็นประธานในพิธีลงนามสัญญาโครงการก่อสร้างอาคารศูนย์บริการการแพทย์ชั้นเลิศ ระหว่าง รศ.นพ.ชาญชัย พานทองวิริยะกุล อธิการบดีมหาวิทยาลัยขอนแก่น กับ นายครูซ คาลี วาเดีย ผู้แทนบริษัทคริสเตียนีและนีลเส็น (ไทย) จำกัด (มหาชน) พร้อมกับพิธีลงนามในสัญญาระหว่างมหาวิทยาลัยขอนแก่น กับ ดร.ปิยวัชร ชัยเสรี ผู้แทน บริษัท อรุณ ชัยเสรี คอนซัลติ้ง เอนจิเนียร์ส จำกัด ในฐานะผู้ควบคุมงานก่อสร้าง โดยมี คณะกรรมสภามหาวิทยาลัยขอนแก่น และผู้บริหารมหาวิทยาลัย ร่วมเป็นเกียรติและเป็นสักขีพยานอย่างพร้อมเพรียง

ดร.ณรงค์ชัย อัครเสรณี อธิการบดีมหาวิทยาลัยขอนแก่น หรือ มข.กล่าวว่า การก่อสร้างอาคารศูนย์บริการทางการแพทย์ชั้นเลิศ เป็นโครงการที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของ มข.บนพื้นที่ประมาณ 32 ไร่ โดยเป็นพื้นที่ของมหาวิทยาลัยขอนแก่นจำนวน 8 ไร่ และเป็นพื้นที่ที่ได้รับความอนุเคราะห์จากสำนักงานน้ำบาดาล เขต 4 ขอนแก่น จำนวน 24 ไร่ ซึ่งได้คืนพื้นที่ให้กับกรมธนารักษ์เพื่ออนุญาตให้ มข.ใช้ในการก่อสร้างโครงการ โดยมีบริษัทสถาปนิก 110 จำกัด เป็นผู้ออกแบบ และ บริษัท เอทีที คอนซัลแตนท์ จำกัด เป็นผู้ควบคุมโครงการ มีวงเงินในการก่อสร้างร่วม 4,000 ล้านบาท เมื่อก่อสร้างแล้วเสร็จจะมีพื้นที่บริการเพิ่มขึ้นอีก 120,000 ตารางเมตร ซึ่งโครงการนี้ นอกจากการขยายบริการทางการแพทย์แล้วยังทำให้สามารถเพิ่มการผลิตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญได้อีกปีละ 150 คน สามารถขยายการสร้างงานวิจัย และนวัตกรรมทางการแพทย์อีกจำนวนมากนับเป็นโครงการที่จะก่อให้เกิดประโยชน์ต่อประชาชน ในภูมิภาคตะวันออกเฉียงเหนือรวมถึงภูมิภาคข้างเคียงได้อีกด้วย”

“สภามหาวิทยาลัยขอนแก่นมุ่งมั่นที่จะทำงาน เพื่อตอบสนองสังคมและสิ่งหนึ่งที่เราทำได้ดีมากนอกจากเรื่องในการให้บริการทางการศึกษาก็คือการให้บริการทางการศึกษา คือการให้บริการทางการสาธารณสุขด้านสาธารณสุขให้ดีที่สุดกว้างขวางที่สุด สนองทุกจุดในจังหวัด ภาคอีสาน และประเทศเพื่อนบ้าน ฉะนั้นโครงการนี้

เป็นโครงการที่สภาให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่และผลักดันมาโดยตลอด เพราะว่าเห็นชัดเจนว่าคณะแพทยศาสตร์ความมุ่งมั่นจะทำด้วยการสนับสนุนนี้โครงการนี้จึงได้เกิดขึ้น ในปัจจุบันเทคโนโลยีมาเร็วมากขึ้นมีสิ่งที่เรารู้จักกันทั่วไป คือ AI หรือปัญญาประดิษฐ์ ซึ่งทางคณะแพทย์ได้นำมาใช้ในส่วนต่าง ๆ อย่างเต็มที่ โดยเฉพาะด้านสาธารณสุข เชื่อว่าถ้านำปัญญาประดิษฐ์มาใช้ได้อย่างเต็มที่จะช่วยในการดูแลสุขภาพจะทำให้ความสามารถในการดูแลสุขภาพของประชาชนจะดีขึ้นอย่างยอดเยี่ยม”

ขณะที่ รศ.นพ.ชาญชัย พานทองวิริยะกุล อธิการบดี มข. กล่าวว่า อาคารศูนย์บริการทางการแพทย์ชั้นเลิศประกอบด้วยอาคารกลาง งบประมาณ 4,300 ล้านบาท ยังไม่รวมค่าครุภัณฑ์ ประมาณ 1 พันล้านบาท โดยมีบริษัท คริสเตียนีและนีลเส็น (ไทย) จำกัด (มหาชน) เสนอราคาต่ำสุด ในราคาประมูล 3,900 ล้านบาท จึงเป็นผู้ชนะการประมูล โดยจะมีพื้นที่บริการ 120,000 ตารางเมตร ทำให้สามารถขยายบริการทางการแพทย์ โดยมีเตียงผู้ป่วยในได้เพิ่มอีกกว่า 622 เตียง มีห้องผ่าตัดเพิ่มอีก 25 ห้อง และห้อง ICU อีก 117 เตียง ซึ่งจำนวนห้องผ่าตัดและเตียงวิกฤตยังขาดอยู่จำนวนมาก นอกจากนี้ในโครงการยังไม่ทอดทิ้งพี่น้องประชาชนที่มาจากทางไกล ฐานะไม่ดีจากต่างจังหวัด จัดเรือนพักสำหรับญาติผู้ป่วยที่เก็บเงินวันละ 5-10 บาทอีก 400 ยูนิต พร้อมมีอาคารจอดรถได้อีกจำนวน 1,000 คัน โครงการนี้มีระยะเวลาก่อสร้าง 4 ปี โดยจะมีการวางแผนออกแบบ และสำรวจความต้องการในระยะต่อไป”

“การก่อสร้างในเฟส 1 ไม่มีปัญหาในเรื่องงบประมาณ เนื่องจากคณะยังงบประมาณเพียงพอโดยมีทุนสำรองอยู่จำนวน 2,000 กว่าล้านบาท ซึ่งยังคงต้องมีการเปิดรับบริจาคอีกต่อไป เพื่อก่อสร้างอาคารศูนย์บริการทางการแพทย์ชั้นเลิศในเฟสที่ 2-3 จึงขอเชิญชวนประชาชนร่วมระดมทุนบริจาคต่อไป อย่างไรก็ดีศูนย์บริการทางการแพทย์ชั้นเลิศจะนำ AI หรือปัญญาประดิษฐ์ซึ่งเป็นเทคโนโลยีใหม่ๆ มาใช้ในด้านการแพทย์มากขึ้น โดยจะนำมาใช้ในการวินิจฉัยโรค การตรวจทางพยาธิ การตรวจทางเอ็กซเรย์ กาตรวจโรคบางอย่าง ให้มีความถูกต้อง แม่นยำ รวมทั้งการใช้เอไอเป็นเครื่องมือในการติดตามผู้ป่วย และการเปลี่ยนแปลงของโรคให้ถูกต้องแม่นยำ นอกจากนี้ ยังจะใช้เอไอในการให้บริการทางการแพทย์ระยะไกล หรือ Telemedicine

Scroll to Top