เมื่อวันที่ 8 มิถุนายน 2566 เวลา 14.30 น. ณ ห้องรับรองพิเศษอธิการบดี ชั้น 6 อาคารสิริคุณากร รองศาสตราจารย์ นพ. ชาญชัย พานทองวิริยะกุล อธิการบดีมหาวิทยาลัยขอนแก่น พร้อมด้วย รองศาสตราจารย์ ดร. นวรัตน์ วราอัศวปติ รองอธิการบดีฝ่ายการต่างประเทศ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.อัจฉราวรรณ โตภาคงาม ผู้ช่วยอธิการบดีฝ่ายการต่างประเทศ และ นางวิลาวัณย์ อังสุนันทวิวัฒน์ รักษาการแทนผู้อำนวยการกองการต่างประเทศ ร่วมต้อนรับ Mr. Stefan Karsten Krohn ประธานกรรมการมูลนิธิโครห์นและ Mr. John Paul Karsten Rhensius กรรมการจากมูลนิธิฯ ประเทศเยอรมนี เนื่องในโอกาสเข้าเยี่ยมคารวะผู้บริหารมหาวิทยาลัยขอนแก่น เพื่อกระชับความสัมพันธ์และร่วมแลกเปลี่ยนหารือด้านการศึกษา โดยครั้งนี้ ถือเป็นการมาเยือนมหาวิทยาลัยขอนแก่น อย่างเป็นทางการครั้งแรกของ Mr. Stefan Karsten Krohn อีกด้วย
หลังจากนั้น Mr. Stefan Karsten Krohn ประธานกรรมการมูลนิธิโครห์น พร้อมกรรมการจากมูลนิธิฯ Krohn-Stiftung (KS) ได้มีโอกาสพบปะ นักศึกษาผู้ได้รับทุนการศึกษาจากมูลนิธิโครห์นบางส่วน ประจำปีการศึกษา 2565 จากจำนวนผู้ได้ทุนทั้งหมด 30 ราย และกำลังดำเนินการคัดเลือกผู้ที่มีคุณสมบัติที่เหมาะสมสำหรับปีการศึกษา 2566 ซึ่งนักศึกษาทุกคนที่เข้าร่วมพบปะ ได้กล่าวแสดงความรู้สึกขอบคุณ ต่อประธานรวมถึงกรรมการและทางมูลนิธิโครห์น โดยมีความตั้งใจที่จะนำความรู้จากการศึกษา ไปต่อยอดในการพัฒนาตนเอง และพัฒนาสังคมส่วนรวมต่อไป
มูลนิธิโครห์น Krohn-Stiftung (KS) ได้สนับสนุนทุนการศึกษาให้แก่นักศึกษา มหาวิทยาลัยขอนแก่นที่ศึกษาอยู่ในระดับปริญญาตรี ตั้งแต่ปีงบประมาณ 2551 เป็นต้นมา ทั้งนี้ ได้มีการเปลี่ยนชื่อจาก มูลนิธิโวล์ฟกังโครห์น (Wolfgang Krohn Foundation) เป็น มูลนิธิโครห์น Krohn-Stiftung (KS) ตั้งแต่ ปีพ.ศ. 2562 โดยได้จัดสรรทุนให้แก่นักศึกษาเป็นประจำทุกปี รวมจำนวนทั้งสิ้น 30 ราย รายละ 15,000 บาท และได้เพิ่มขึ้นเป็นจำนวนเงิน 25,000 บาท เมื่อปีการศึกษา 2565 ซึ่งจะได้รับทุนต่อเนื่อง จนกว่าจะสำเร็จการศึกษา และต้องมีผลการเรียนเฉลี่ยสะสมตั้งแต่ 2.00 ขึ้นไป
มูลนิธิโครห์น Krohn-Stiftung (KS) ได้มีส่วนช่วยเหลือสนับสนุนทุนการศึกษาแก่นักศึกษา มหาวิทยาลัยด้วยดีตลอดมา เนื่องจากมูลนิธิได้เล็งเห็นถึงความสำคัญของการศึกษา และช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายของนักศึกษาผู้ขาดแคลนทุนทรัพย์ ซึ่งทำให้สามารถมุ่งความสนใจไปในส่วนที่สำคัญที่สุดนั้นคือการเรียนรู้เพื่อบรรลุเป้าหมายในอนาคต อีกทั้งเป็นการพัฒนาทรัพยากรบุคคล ให้มีความพร้อม ในการพัฒนาความเจริญให้กับส่วนรวม และประเทศไทยต่อไป
ข่าว/ภาพ: กองการต่างประเทศ มข.